10 ขั้นตอนการเปิดคลินิกความงามอย่างไร ให้ได้อย่างมืออาชีพ

อย่างที่เรารู้กันแล้วว่า คลินิกความงามนั้นเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ เพราะมีโอกาสของการเติบโตสูง ท่ามกลางการแข่งขันกันอย่างดุเดือด การเปิดคลินิกความงามจึงไม่ใช่แค่เรื่องของการมีเงินทุน แต่ยังต้องมีการศึกษาที่รอบคอบ และการวางแผนที่ดีเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ คลินิกความงามไม่เพียงแค่ให้บริการที่ปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังต้องให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ซึ่งรวมถึงการจัดการด้านต่าง ๆ อย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น ด้านการตลาด การเงิน และการบริการที่มีมาตรฐาน

เราจะมาศึกษาถึงขั้นตอนการเปิดคลินิกความงาม ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการบริหารอย่างมืออาชีพ ว่ามีขั้นตอนที่สำคัญในการเปิดคลินิกอย่างไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสถานที่ การเลือกทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ การวางแผนการเงิน และการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง รวมไปถึงการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในเรื่องความปลอดภัยและคุณภาพของบริการ นอกจากนี้ ปัจจุบันได้มีการใช้เทคโนโลยีที่ช่วยให้คุณสามารถบริหารจัดการดิจิทัลคลินิกได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เจ้าของคลินิกควรโฟกัสไปที่การเตรียมความพร้อมในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการแพทย์หรือการบริหารจัดการ ทั้งหมดนี้จะช่วยให้คุณมีความมั่นใจในการเริ่มต้นธุรกิจความงามที่ประสบความสำเร็จในอนาคตได้

Checklist เปิดคลินิกความงามแบบมือโปร ต้องรู้อะไรบ้าง

การเปิดคลินิกความงามต้องการการเตรียมตัว และวางแผนอย่างละเอียดเพื่อให้ธุรกิจเริ่มต้นได้อย่างราบรื่น และประสบความสำเร็จ มาดูเช็กรายการสำหรับการเปิดคลินิกความงามกัน ว่าอะไรที่จะช่วยให้สามารถตรวจสอบขั้นตอนต่าง ๆ ได้ครบถ้วน และไม่พลาดทุกการเตรียมความพร้อม เพราะการเปิดคลินิกความงามไม่ใช่แค่การตั้งร้านให้บริการ แต่ต้องมีการวางแผนที่ดีเพื่อให้การดำเนินธุรกิจราบรื่นและสามารถแข่งขันในตลาดได้

1. ทำความเข้าใจตลาดและกลุ่มเป้าหมาย โดยการวิเคราะห์ตลาด และศึกษาความต้องการในตลาดความงาม เช่น บริการประเภทไหนที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เช่น เลเซอร์ ฟิลเลอร์ และทรีตเมนต์ผิวหน้า ใครคือลูกค้าของคลินิกเราบ้าง ช่วงวัยไหน เพศอะไร โดยต้องเลือกกลุ่มเป้าหมายที่จะช่วยให้คุณวางกลยุทธ์ได้ชัดเจน หลังจากนั้นต้องมีการศึกษาคู่แข่ง เพื่อให้รู้ว่าเราจะสามารถนำเสนอบริการอะไรที่แตกต่างได้

2. วางแผนธุรกิจ โดยกำหนดบริการหลักของประเภทบริการที่เราจะมีให้บริการ เช่น ศัลยกรรมความงาม ทรีตเมนต์ เลเซอร์ ตั้งราคาที่เหมาะสม ในราคาที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายและการบริการที่มีคุณภาพ และคำนวณงบประมาณสำหรับจัดตั้งคลินิกทั้งหมด เช่น ค่าเช่าสถานที่ ค่าอุปกรณ์ หรือเงินเดือนพนักงาน เป็นต้น นำไปสู่การคิดกลยุทธ์การตลาดเพื่อโปรโมตคลินิก เช่น การโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดีย หรือออกแคมเปญสำหรับโปรโมชันพิเศษ

3. เตรียมการขอใบอนุญาต ซึ่งประกอบไปด้วย

• ใบอนุญาตการเปิดคลินิกจากกระทรวงสาธารณสุขหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
• ใบอนุญาตแพทย์และพยาบาล โดยต้องเป็นแพทย์ที่ได้รับใบอนุญาตวิชาชีพการแพทย์หรือพยาบาลที่มีความชำนาญ
• ใบอนุญาตการใช้เครื่องมือแพทย์ เช่น เครื่องเลเซอร์ ต้องมีใบรับรองที่ถูกต้องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

4. เลือกสถานที่ตั้งคลินิก โดยดูจากทำเลที่น่าลงทุน ขนาดพื้นที่ที่ตอบโจทย์กับเป้าหมายและงบประมาณที่มี

5. จัดหาบุคลากรในคลินิก ซึ่งประกอบด้วย

• แพทย์หรือพยาบาลที่มีใบอนุญาตและความเชี่ยวชาญในสาขาเสริมความงาม
• พนักงานบริการ ที่สามารถให้บริการลูกค้าได้ดีและเข้าใจความต้องการของลูกค้า มีจิตบริการ
• ฝึกอบรมพนักงาน ให้มีทักษะทั้งด้านการบริการและการใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีในคลินิก

6. เลือกและซื้ออุปกรณ์ ได้แก่ 

• เครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ เลือกซื้ออุปกรณ์ที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข เช่น เครื่องเลเซอร์และอุปกรณ์ดูแลผิว
• ผลิตภัณฑ์เสริมอื่น ๆ เช่น ครีมบำรุงผิว เวชสำอางที่ใช้ในบริการ         ทรีตเมนต์
• เครื่องมือที่มีมาตรฐานมีคุณภาพสูง และได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

7. การตกแต่งคลินิก ที่เน้นการออกแบบภายในดูสะอาดและทันสมัย สร้างบรรยากาศที่น่าเชื่อถือและสบายตา มีการแบ่งพื้นที่ให้บริการเป็นสัดส่วน และมีความเป็นส่วนตัว เช่น ห้องทำทรีตเมนต์ ห้องรอ และห้องตรวจ

8. การตั้งระบบการบริหารจัดการคลินิก เพื่อความสะดวกสบายในทุกขั้นตอน ลดภาระงานของเจ้าหน้าที่ ได้แก่

• ระบบการนัดหมาย โดยใช้โปรแกรมในการจัดการนัดหมายลูกค้าเพื่อป้องกันความผิดพลาด เช่น LINE OA
• ระบบการเงิน ใช้ระบบการจัดการการเงินที่สามารถติดตามรายรับรายจ่ายได้ จัดการคูปอง และส่วนลดได้
• ระบบการจัดการสต็อกสินค้า ที่คอยตรวจสอบสต็อกวัสดุ และอุปกรณ์ให้พร้อมใช้งานตลอดเวลา รวมทั้ง ทำให้เห็นภาพรวมของปริมาณ หรือความถี่ในการในการใช้สินค้า เพื่อวางแผนจัดการสินค้าในสต็อกได้

9. การทำการตลาดและโปรโมต ซึ่งทำได้ในหลายช่องทาง ได้แก่

• สร้างโปรไฟล์ออนไลน์ สร้างเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียเพื่อโปรโมตการบริการ และสร้างการรับรู้
• ใช้รีวิวลูกค้า โดยเปิดรับความคิดเห็นจากลูกค้าเพื่อนำมาเป็นเครื่องมือในการสร้างความเชื่อมั่น
• โปรโมชันและส่วนลด ในช่วงเปิดคลินิกหรือให้บริการพิเศษ
• ใช้ SEO และ Ads สำหรับเว็บไซต์ และโปรโมตคลินิกผ่าน Google Ads, Facebook Ads

10. ตรวจสอบคุณภาพและประเมินผล ผ่านแบบสอบถามที่ฟังความคิดเห็นลูกค้า เพิ่มช่องทางให้ลูกค้าให้ความคิดเห็นและเสนอแนะ แล้วนำไปปรับปรุง ควบคุมคุณภาพการบริการในทุกขั้นตอนให้ดียิ่งขึ้น

จะเปิดคลินิกทั้งที ต้องมี 10 ขั้นตอนอะไรบ้าง

การเปิดคลินิกความงามเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการทำกำไรสูง แต่การเริ่มต้นนั้นต้องมีการวางแผน และขั้นตอนที่ชัดเจนในการทำธุรกิจอย่างเป็นลำดับ เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นและธุรกิจไม่สะดุด มาดูวิธีการเปิดคลินิกความงามทีละขั้นตอน ตั้งแต่การวางแผนจนถึงการเปิดบริการจริง ว่าควรทำอย่างไร

1. ทำการศึกษาตลาด

• วิเคราะห์ความต้องการในตลาด ศึกษาตลาดความงามในพื้นที่ที่คุณต้องการเปิดคลินิก ว่ามีความต้องการบริการอะไร เช่น การเสริมความงาม การบำรุงผิว เลเซอร์ หรือฟิลเลอร์
• หากลุ่มเป้าหมายที่ใช่ เพื่อระบุว่าใครคือกลุ่มลูกค้าที่ต้องการ เช่น ผู้หญิง ผู้ชาย หรือกลุ่มลูกค้าเฉพาะที่ต้องการการรักษาพิเศษ
• สำรวจคู่แข่ง สำรวจคลินิกความงามที่มีอยู่แล้วในพื้นที่นั้น เพื่อวิเคราะห์ว่าเราจะทำให้คลินิกความงามของเราแตกต่าง และโดดเด่นกว่าได้อย่างไร

2. วางแผนธุรกิจ 

• กำหนดว่าคลินิกของเราจะให้บริการอะไรบ้าง เช่น ทรีตเมนต์ ฟิลเลอร์ เลเซอร์ เสริมความงาม ศัลยกรรม เป็นต้น
• ตั้งราคาให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและต้นทุนที่ต้องการ
• วางแผนการตลาดเพื่อดึงดูดลูกค้า เช่น การทำโปรโมชันพิเศษ การโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดีย ไปจนถึงการสร้างเว็บไซต์
• วิเคราะห์ต้นทุนและกำไร โดยการคำนวณต้นทุนในการเปิดคลินิก เช่น     ค่าเช่าที่ อุปกรณ์ เงินเดือนพนักงาน และกำไรที่คาดว่าจะได้

3. ขอใบอนุญาตที่จำเป็น ได้แก่

• ใบอนุญาตการเปิดคลินิก โดยต้องติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอ  ใบอนุญาตเปิดคลินิกความงาม เช่น กระทรวงสาธารณสุข
• ใบอนุญาตแพทย์และพยาบาล ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแพทย์และพยาบาลที่ทำงานในคลินิกมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
• ใบอนุญาตการใช้เครื่องมือ สำหรับเครื่องมือทางการแพทย์ เช่น เครื่องเลเซอร์ ต้องขอใบอนุญาตการใช้งานจากหน่วยงาน

4. เลือกทำเลที่ตั้งคลินิก

• ทำเลดีมีชัยไปกว่าครึ่ง โดยดูจากที่ตั้งที่สะดวกสบายสำหรับลูกค้า เช่น ย่านธุรกิจหรือย่านที่มีการสัญจรเยอะ เดินทางง่าย ติดรถไฟฟ้า มีที่จอดรถเพียงพอ
• ขนาดของคลินิก ที่ต้องคำนึงถึงพื้นที่ที่เพียงพอสำหรับห้องต่าง ๆ เช่น ห้องทรีตเมนต์ ห้องรับรอง ห้องรับรอง
• ตรวจสอบค่าเช่า ซึ่งสามารถพิจารณาค่าเช่าในพื้นที่นั้น ๆ และตรวจสอบระยะเวลาของสัญญาเช่าให้รอบคอบ

5. จัดหาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ

• แพทย์และพยาบาล จัดหาแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านความงาม และพยาบาลที่ได้รับการรับรอง
• พนักงานบริการ พนักงานบริการควรได้รับการฝึกอบรมในการให้บริการลูกค้า และการใช้เครื่องมือ
• อย่างมีความเชี่ยวชาญ
• ฝึกอบรม เพื่อให้ทีมงานมีทักษะ และสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมืออาชีพ

6. เลือกและจัดหาอุปกรณ์ที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็น

• เลือกซื้อเครื่องมือหรืออุปกรณ์การแพทย์ที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น เครื่องเลเซอร์ อุปกรณ์บำรุงผิว เครื่องยกกระชับผิวหน้า เป็นต้น
• เวชภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ใช้ร่วมกับการทำหัตถการ เช่น ครีม เซรั่ม หรืออุปกรณ์ที่ใช้ในทรีตเมนต์ต่าง ๆ ควรเลือกสินค้าที่มีคุณภาพและได้รับมาตรฐาน
• อุปกรณ์สำนักงาน เช่น คอมพิวเตอร์ Ipad เพื่อรองรับโปรแกรมคลินิก สำหรับการยกระดับเป็นดิจิทัลคลินิก

7. ตกแต่งและเตรียมพื้นที่ภายในคลินิก เพื่อแสดงความพร้อมให้บริการ และสร้างความประทับใจให้ลูกค้า

• การออกแบบภายในให้คลินิกให้สวยงาม สะอาด และทันสมัย เพื่อสร้างบรรยากาศที่น่าเชื่อถือและผ่อนคลาย
• แบ่งพื้นที่บริการให้เหมาะสม สำหรับการทำทรีตเมนต์ต่าง ๆ การรอคิวของลูกค้า หรือการทำหัตถการอื่น ๆ โดยเน้นความเป็นส่วนตัวที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกปลอดภัย และไม่ถูกรบกวน
• การตกแต่งเพื่อความสะอาด ที่ทำให้พื้นที่ดูสะอาดตาตลอดเวลา และปลอดภัยสำหรับลูกค้า

8. เริ่มการโปรโมตและการตลาด ซึ่งมีหลายวิธี ได้แก่

• โฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์ บนแพลตฟอร์มใช้โซเชียลมีเดีย เช่น Facebook Instagram หรือ Google Ads เพื่อโปรโมตคลินิก สร้างการรับรู้ และดึงดูดลูกค้าใหม่
• รีวิวจากลูกค้า โดยให้ลูกค้าที่ยินดีให้รีวิวดี ๆ หรือคำแนะนำเกี่ยวกับบริการ ไปจนถึงการรีวิวผ่าน Influencer เพื่อทำให้คลินิกเป็นที่รู้จักมากขึ้น
• โปรโมชันและส่วนลดพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ หรือลูกค้าที่มาใช้บริการครั้งแรก เช่น ส่วนลดพิเศษในช่วงเปิดคลินิก

9. เปิดคลินิกและให้บริการ

• เปิดให้บริการตามขั้นตอนที่เตรียมไว้ เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว
• ดูแลลูกค้า โดยคำนึงถึงการให้บริการที่ดีและมีคุณภาพ เพื่อให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำ และเช็กความพึงพอใจหลังได้รับบริการแต่ละครั้ง
• รับข้อเสนอแนะ ฟังความคิดเห็นจากลูกค้าเพื่อนำมาปรับปรุงบริการให้ดีขึ้น

10. ติดตามผลและปรับปรุง

ติดตามผลการดำเนินงาน ตรวจสอบการดำเนินธุรกิจ เช่น ยอดขาย ความพึงพอใจของลูกค้า กลุ่มลูกค้าที่เรามี

ปรับปรุงบริการ หากพบจุดบกพร่อง เพื่อให้ลูกค้าพึงพอใจและกลับมาใช้บริการอีก

วางแผนการขยายธุรกิจ หากธุรกิจเติบโตดีอาจพิจารณาขยายคลินิกหรือเพิ่มบริการใหม่ ๆ เพื่อกระตุ้นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ระบบ ProClinic ที่ช่วยให้คุณจัดการคลินิกแบบมืออาชีพ

ในยุคที่เทคโนโลยีและการจัดการข้อมูลมีบทบาทสำคัญในการทำธุรกิจ คงจะดีกว่าถ้าเรามีระบบที่สามารถช่วยให้การดำเนินงานคลินิกความงามมีความสะดวก และมีประสิทธิภาพมากขึ้น หนึ่งในระบบที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการเหล่านี้คือ ProClinic ซึ่งเป็นระบบที่ออกแบบมาเพื่อช่วยในการจัดการคลินิกความงามแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น การจัดการนัดหมายลูกค้า การคำนวณรายได้ การติดตามผลการรักษา หรือแม้กระทั่งการจัดการด้านการเงิน ระบบนี้จะช่วยให้การดำเนินงานคลินิกเป็นไปอย่างราบรื่น และครอบคลุมทุกด้าน

1. จัดการนัดหมายและตารางการทำงาน ด้วยระบบนัดหมายอัตโนมัติ ProClinic มาพร้อมกับระบบการนัดหมายออนไลน์ที่สามารถจองคิว ลูกค้าสามารถเช็กคิว หรือเลื่อนได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว สามารถเลือกวันเวลาที่ต้องการผ่านแอปพลิเคชัน และมาพร้อมการแจ้งเตือนวันนัดหมาย ป้องกันการลืมนัดได้
2. การจัดการลูกค้าและข้อมูลส่วนตัว ด้วยการนำข้อมูลเวชระเบียน สร้างฐานข้อมูลลูกค้า ที่ ProClinic ช่วยเก็บข้อมูลลูกค้าอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนตัว ประวัติการรักษา รายการบริการที่เคยใช้ หรือการตอบรับการบริการ เพื่อให้การบริการเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และทุกครั้งที่เข้ารับบริการ จะถูกบันทึกไว้ในระบบ รวมถึงการแนะนำผลิตภัณฑ์หรือการรักษาที่เหมาะสมในอนาคต ระบบเวชระเบียนดิจิทัลจะช่วยประหยัดเวลาในการค้นหาข้อมูลจากเดิมที่ต้องค้นแฟ้มประวัติ ก็เข้าถึงง่ายขึ้นได้แค่ปลายนิ้ว ประหยัดเวลา และงบประมาณในการซื้อกระดาษ หรือหมึกพิมพ์ได้ด้วย
3. การจัดการด้านการเงิน ด้วยระบบการชำระเงินที่สะดวก รองรับการชำระเงินทั้งแบบเงินสด บัตรเครดิต โอนผ่านธนาคาร หรือระบบการชำระเงินออนไลน์ที่มีความปลอดภัย พร้อมกับการคำนวณรายได้และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการดำเนินธุรกิจ ทำให้เจ้าของคลินิกสามารถติดตามผลกำไรและต้นทุนได้อย่างชัดเจน
4. การติดตามผลการรักษา โดยติดตามความพึงพอใจของลูกค้าหลังการรับบริการ โดย ProClinic สามารถส่งแบบสอบถามเพื่อให้ลูกค้าระบุความพึงพอใจ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถปรับปรุงการบริการได้ตรงจุด
5. บริหารจัดการสต็อก โดยการควบคุมสต็อกสินค้าจะช่วยให้คุณสามารถติดตามสต็อกของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น ครีม เซรั่ม หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้ในการรักษาได้แบบเรียลไทม์ ทำให้การสั่งซื้ออุปกรณ์สะดวกมากขึ้น เมื่อสินค้าหรืออุปกรณ์ใกล้หมด ลดปัญหาการสต็อกสินค้าจนหมดอายุ เพราะมีสถิติของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ประจำ และผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้น้อยได้
6. การรายงานและการวิเคราะห์ โดยระบบสามารถสรุปรายงานการดำเนินงานทั้งในด้านการเงินและการบริการ ผ่านการแสดงข้อมูลสถิติต่าง ๆ เช่น จำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการ รายได้เฉลี่ยต่อวัน เพื่อนำมาวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับการตัดสินใจทางธุรกิจ เช่น การเลือกบริการที่ได้รับความนิยม เวลาในการให้บริการที่เหมาะสมหรือผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าต้องการมากที่สุด
7. การตลาดและโปรโมชัน โดยอัปเดตผ่าน Line OA ของคลินิก ให้ลูกค้าสามารถรับรู้ได้ไวขึ้น กระตุ้นความต้องการ เช่น ส่วนลดพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ โปรโมชันเฉพาะช่วงเทศกาล หรือแคมเปญเพื่อลูกค้า VIP เท่านั้น
8. การรักษาความปลอดภัยและการเก็บข้อมูล โดยการจำกัดสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าในระดับที่แตกต่างกันของบุคลากรในคลินิก เช่น พนักงานบางตำแหน่งจะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลหลังบ้านที่เกี่ยวข้องกับการบริหารได้ บางตำแหน่งไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลทางการแพทย์เชิงลึกของลูกค้าได้ และมีระบบป้องกันข้อมูลสูญหายจากเหตุการณ์ไม่คาดคิด

ฟีเจอร์อื่น ๆ ที่ ProClinic ช่วยให้คุณเป็นเจ้าของคลินิกความงามได้

นอกจากการให้ระบบการบริหารคลินิกที่ช่วยให้คุณเปิดคลินิกได้อย่างมืออาชีพ ยังมีฟีเจอร์อื่น ๆ เพื่อช่วยให้การเป็นเจ้าของคลินิกความงามง่ายขึ้นได้

1. จัดการตารางงานของพนักงาน ซึ่งแพทย์และพยาบาลสามารถดูตารางงานของตนเองได้ง่าย ๆ พร้อมจัดสรรเวลาทำงานและเวลาพักได้อย่างเหมาะสม
2. รายงานการเงิน มีระบบมีการจัดทำรายงานการเงินที่สามารถดูได้ตลอดเวลา เพื่อให้สามารถวางแผนการเงินและมองเห็นการขยายธุรกิจได้
3. การจัดการผลการรักษา สามารถติดตามผลการรักษาของลูกค้าทุกท่านได้ รวมถึงแนะนำบริการต่อเนื่อง ตามความเหมาะสมเพื่อเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า
4. โปรแกรมสะสมคะแนน สามารถตั้งโปรแกรมสะสมคะแนนหรือการให้รางวัลแก่ลูกค้าที่มาบริการอย่างต่อเนื่อง เพิ่มแรงจูงใจในการกลับมาใช้บริการอีกครั้ง และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างลูกค้าและคลินิกได้
5. การแบ่งกลุ่มลูกค้า เพื่อจัดทำโปรโมชันเฉพาะกลุ่มได้ตรงเป้ามากขึ้น

การเปิดคลินิกความงามเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ แต่ก็ต้องการการเตรียมความพร้อมอย่างรอบคอบในหลาย ๆ ด้าน ตั้งแต่การวางแผนธุรกิจ การเลือกสถานที่ การขอใบอนุญาต การตกแต่งคลินิก การจัดหาบุคลากร ไปจนถึงการทำการตลาดเพื่อดึงดูดลูกค้า ด้วยการใช้ระบบคลินิกจากเรา เช่น ProClinic คุณสามารถทำทุกขั้นตอนนี้ได้อย่างมืออาชีพและลดความยุ่งยากในการบริหาร จัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่คุณสามารถเป็นเจ้าของคลินิกความงามได้ไม่ยาก

คำถามที่พบบ่อย

เปิดคลินิก เริ่มต้นยังไง

1. ศึกษาตลาดและกลุ่มเป้าหมาย: เข้าใจความต้องการของลูกค้าและแนวโน้มตลาด

2. วางแผนธุรกิจ : รวมถึงการเงิน  การตลาด  และกลยุทธ์การเติบโต

3. หาทำเลที่เหมาะสม: เลือกทำเลที่มีการเข้าถึงง่าย และตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า

4. จดทะเบียนธุรกิจ: ลงทะเบียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุข

5. ขอใบอนุญาต: เช่น ใบอนุญาตประกอบธุรกิจคลินิกความงาม

6. เลือกทีมงานและผู้เชี่ยวชาญ: หาหมอหรือผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์

7. จัดซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือ: เลือกอุปกรณ์ที่มีคุณภาพและได้รับมาตรฐาน

8. จัดการการตลาด: สร้างแบรนด์, โปรโมทผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น ออนไลน์ หรือโซเชียล มีเดีย

8. ตั้งราคาบริการ: กำหนดราคาที่เหมาะสมและแข่งขันได้

10. เปิดตัวคลินิก: ประชาสัมพันธ์และให้บริการลูกค้าตามมาตรฐาน

การเปิดคลินิกความงามยากไหม

การเปิดคลินิกความงามอาจยากในขั้นตอนการขออนุญาต การเลือกทำเล และการจัดการทีมงาน แต่ถ้ามีการวางแผนที่ดีและทำตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง ก็สามารถประสบความสำเร็จได้

คลินิกเสริมความงามต้องจด VAT ไหม

ต้องจด VAT หากรายได้รวมของคลินิกในปีนั้นเกิน 1.8 ล้านบาท ตามที่กฎหมายกำหนด หากรายได้ไม่ถึงจึงไม่จำเป็นต้องจด VAT

ขออนุญาตเปิดคลินิกใช้เวลากี่วัน

โดยทั่วไปการขออนุญาตเปิดคลินิกเสริมความงามในประเทศไทยจะใช้เวลาประมาณ 30-60 วัน ขึ้นอยู่กับการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การขอใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข (สำหรับคลินิกที่มีการให้บริการด้านสุขภาพ) รวมถึงการจัดเตรียมเอกสารและการตรวจสอบสถานที่ด้วย

เปิดคลินิกจะต้องไปขึ้นทะเบียนที่ใด

ขึ้นทะเบียนที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือสำนักงานเขต (สำหรับคลินิกในกรุงเทพฯ) เพื่อขอใบอนุญาตประกอบกิจการของคลินิก ตามขั้นตอนเหล่านี้

1. ขออนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข ถ้าคลินิกเกี่ยวข้องกับการให้บริการทางการแพทย์
2. ขอใบอนุญาตสถานพยาบาล สำหรับคลินิกเสริมความงามที่เกี่ยวข้องกับการรักษาหรือการให้คำแนะนำด้านสุขภาพ
3. ขึ้นทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หากรายได้รวมของคลินิกเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี
4. จดทะเบียนพาณิชย์ที่สำนักงานพาณิชย์ หรือออนไลน์ในกรณีที่เป็นกิจการส่วนตัว 

Copyright © 2025 Proclinic Group Co., Ltd. All rights reserved.  

Published on : May 08, 2025