แฟรนไชส์คลินิกความงาม โอกาสทางธุรกิจที่น่าลงทุนในปี 2025

แฟรนไชส์คลินิกความงาม โอกาสทางธุรกิจที่น่าลงทุนในปี 2025

8 พฤษภาคม 2568 เคล็ดลับการตลาด 47เข้าชม

ในยุคที่ธุรกิจคลินิกเติบโต และมีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะคลินิกความงาม ที่ผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องไปจนถึงการขยายฐานสาขาเพื่อรองรับการบริการจากลูกค้าในทุกพื้นที่ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์และการดูแลตัวเองมากขึ้น สำหรับทุกเพศ ทุกวัย ทำให้บริการเสริมความงาม เช่น โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ เลเซอร์ และทรีตเมนต์ต่าง ๆ ได้รับความนิยมสูงขึ้น นี่จึงเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในธุรกิจความงาม

แต่คำถามคือ แฟรนไชส์คลินิกความงามดีไหม ? หรือยังน่าลงทันอยู่ไหม ท่ามกลางการแข่งขันที่สูงขนาดนี้ เราควรบริหารจัดการอย่างไรดี หลายคนอาจลังเลระหว่างการสร้างแบรนด์คลินิกเอง กับการเลือกลงทุนในแฟรนไชส์คลินิก ซึ่งมีโมเดลธุรกิจที่ช่วยลดความเสี่ยง ด้วยการสนับสนุนด้านแบรนด์ มาตรฐานบริการ และระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม การเปิดแฟรนไชส์ก็ยังมีข้อดี-ข้อเสียที่ต้องพิจารณา รวมถึงคำถามสำคัญอย่าง เปิดคลินิกความงาม ลงทุนเท่าไหร่ ? และแฟรนไชส์อะไรดี ?


แฟรนไชส์คลินิกความงาม โอกาสทางธุรกิจที่น่าลงทุนในปี 2025


เราจะมาดูกันต่อว่า ในปี 2025 แนวโน้มการลงทุนในแฟรนไชส์คลินิกยังคงมีศักยภาพ แต่ความท้าทายก็เพิ่มขึ้นนี้ การบริหารจัดการคลินิกหลายสาขาควรใช้อะไรเข้ามาเป็นตัวช่วยให้เราสามารถบริหารคลินิกของเราได้อย่างมืออาชีพมากขึ้น รวมทั้งเพิ่มโอกาสความสำเร็จ และเติบโตอย่างยั่งยืนได้ด้วย 

อุตสาหกรรมคลินิกความงามเติบโตอย่างไร ?


แฟรนไชส์คลินิกความงาม โอกาสทางธุรกิจที่น่าลงทุนในปี 2025


ในยุคที่ผู้คนให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองมากขึ้น ธุรกิจคลินิกความงาม จึงกลายมาเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเสริมความงามด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ เช่น โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ เลเซอร์ หรือทรีตเมนต์บำรุงผิวพรรณ การแข่งขันในตลาดนี้สูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังคงเป็นโอกาสสำคัญสำหรับนักลงทุน และผู้ประกอบการที่ต้องการสร้างแบรนด์ หรือขยายธุรกิจความงาม มาดูคำตอบกันว่าอะไรที่ทำให้ อุตสาหกรรมคลินิกความงามเติบโตอย่างก้าวกระโดด และมีปัจจัยอะไรบ้างที่ช่วยผลักดันให้ธุรกิจนี้ยังคงอยู่ได้บนสนามกันแข่งขันที่ดุเดือดในปี 2025

แนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมคลินิกความงาม

  1. พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เนื่องจากคนทุกวัยให้ความสำคัญกับความงามมากขึ้น ไม่ใช่แค่กลุ่มวัยรุ่นหรือวัยทำงาน แต่รวมถึงผู้สูงอายุที่ต้องการดูอ่อนวัย ความนิยมของคลินิกความงาม จึงเกิดการบริการที่เข้าถึงได้ง่ายผ่านคลินิก
  2. เทคโนโลยีเสริมความงามที่ล้ำหน้า และพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เช่น Ultherapy, HIFU, เลเซอร์รักษาผิว หรือเกิดการบริการใหม่ ๆ อย่าง Genius RF Microneedling หรือ Exosome Therapy กำลังเป็นที่นิยมในปี 2025
  3. โซเชียลมีเดีย และอิทธิพลของ KOLs ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาด การดึงอินฟลูเอนเซอร์ และคนดังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภคของทุกแพลตฟอร์มอย่าง ที่เป็นช่องทางหลักในการโฆษณา และรีวิวบริการ
  4. การเติบโตของตลาดแฟรนไชส์คลินิกความงาม โมเดลแฟรนไชส์คลินิกความงาม ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเริ่มต้นธุรกิจได้ง่ายขึ้น ด้วยการสนับสนุนด้านแบรนด์ ระบบบริหาร และมาตรฐานทางการแพทย์ การเปิดคลินิกความงามภายใต้แบรนด์ที่เป็นที่รู้จักช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้าได้
  5. การแพทย์เชิงป้องกันและการดูแลสุขภาพองค์รวม แนวคิด Wellness & Aesthetic กำลังมาแรง ทำให้คลินิกความงามบางแห่งขยายบริการสู่การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เช่น เวชศาสตร์ชะลอวัย เป็นต้น

เปิดคลินิกความงาม ลงทุนเท่าไหร่ ?


แฟรนไชส์คลินิกความงาม โอกาสทางธุรกิจที่น่าลงทุนในปี 2025


การเปิดคลินิกความงาม เป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูง แต่ก็มาพร้อมกับต้นทุนและความท้าทายที่ต้องอาศัยการวางแผนงบอย่างรอบคอบ ค่าใช้จ่ายในการลงทุนขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ขนาดของคลินิก ทำเลที่ตั้ง อุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เรามาดูกันว่าค่าใช้จ่ายหลักสำหรับการเปิดคลินิกใหม่ขนาดเล็กกันว่า ในเบื้องต้น มีค่าอะไรเท่าไหร่บ้าง

1. Fix cost หรือต้นทุนคงที่ ได้แก่

  • ค่าตกแต่งคลินิก  เพื่อภาพลักษณ์ที่ดี สร้างอัตลักษณ์ของแบรนด์คลินิกเรา ให้ดูน่าเชื่อถือ และทันสมัย โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านบาท
  • ค่าเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ความงาม ซึ่งแบ่งออกเป็น

เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ความงามมือหนึ่ง เช่น

  • เครื่องกำจัดขนถาวร (Diode Laser) ราคาประมาณ 500,000 – 1,500,000 บาท
  • เครื่องเลเซอร์รักษาเม็ดสี (PicoSure) ราคาประมาณ 2,000,000 – 4,000,000 บาท
  • เครื่องยกกระชับผิวหน้า (HIFU) ราคาประมาณ 300,000 – 800,000 บาท
  • เครื่องรักษาหลุมสิว (Fractional RF) ราคาประมาณ 500,000 – 1,200,000 บาท
  • เครื่องกำจัดไขมัน CoolSculpting ราคาประมาณ 1,000,000 – 2,000,000 บาท

เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ความงาม มือสอง โดยจะประหยัดราคากว่ามือหนึ่งประมาณ 40–80% เช่น

  • เครื่องเลเซอร์กำจัดขน ราคาประมาณ 200,000 – 600,000 บาท
  • เครื่องเลเซอร์รักษาเม็ดสี ราคาประมาณ 800,000 – 2,000,000 บาท
  • เครื่องยกกระชับผิวหน้า (HIFU) ราคาประมาณ 150,000 – 400,000 บาท
  • เครื่องรักษาหลุมสิว (Fractional RF) ราคาประมาณ 300,000 – 800,000 บาท

2. Montyly cost หรือต้นทุนรายเดือน ได้แก่

  • ค่าเช่าสถานที่ หากเป็นทำเลที่ตั้งดี เช่น ห้างสรรพสินค้า หรือย่านธุรกิจก็อาจมีค่าเช่าที่สูง โดยเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 1-5 ล้านบาท/เดือน
  • ค่าจ้างแพทย์และพนักงาน จะเริ่มต้นอยู่ที่ราว ๆ 15,000-30,000 บาท/เดือน โดยสำหรับคลินิกที่เปิดใหม่อาจมีการจ้างพนักงาน 2-3 คน ส่วนค่าตัวแพทย์นั้นเริ่มต้นที่อยู่ที่ประมาณ 60,000 – 80,000 บาท อาจขึ้นอยู่กับชื่อเสียงและความชำนาญด้วย
  • ค่าใบอนุญาตและกฎหมาย โดยมีค่าธรรมเนียม 1,250 บาท สำหรับใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล
  • ค่าโฆษณาและการตลาด อาจอยู่ในช่วง 20,000 - 100,000 ล้านบาท/ปี สำหรับทำโฆษณาผ่าน Facebook, Instagram, TikTok และค่ารีวิวจากอินฟลูเอนเซอร์

นอกจากนี้ยังมีทุนหมุนเวียน สำหรับสำรองค่าใช้จ่ายในช่วงแรก หรือการบริหารจัดการอื่น ๆ อยู่ที่ประมาณ 500,000 - 2 ล้านบาท

สร้างแบรนด์ VS แฟรนไชน์คลินิกความงาม แบบไหนดีกว่า ?


แฟรนไชส์คลินิกความงาม โอกาสทางธุรกิจที่น่าลงทุนในปี 2025


การลงทุนในแฟรนไชส์คลินิกความงามนั้นถือเป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจ แต่ก็ควรพิจารณาข้อดี และข้อเสียอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ มาดูกันว่าอะไรที่เราควรพิจารณาบ้าง

ข้อดีของแฟรนไชส์คลินิกความงาม

  1. ระบบธุรกิจที่เป็นมาตรฐาน แฟรนไชส์มักมาพร้อมกับระบบการดำเนินงานที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว และมีการสนับสนุนจากเจ้าของแฟรนไชส์ ซึ่งช่วยให้ผู้ลงทุนไม่ต้องเริ่มต้นจากศูนย์ และมีแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจน
  2. การสนับสนุนและการฝึกอบรมเกี่ยวกับการดำเนินงาน การบริหารจัดการคลินิก และการตลาด ซึ่งช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถเปิดธุรกิจได้ง่ายขึ้น มีแนวทางที่ชัดเจนอยู่แล้ว
  3. การรับรู้แบรนด์ เพราะแฟรนไชส์ที่มีชื่อเสียง จะช่วยให้ธุรกิจได้รับการยอมรับจากลูกค้าได้เร็วขึ้น และมีฐานลูกค้าเดิมจากการที่แบรนด์มีการโฆษณา และการตลาดที่ครอบคลุม
  4. การเข้าถึงผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งช่วยให้คลินิกสามารถให้บริการที่มีคุณภาพสูงได้

ข้อเสียของแฟรนไชส์คลินิกความงาม

  1. ค่าใช้จ่ายในการลงทุนเริ่มต้นสูง ทั้งในเรื่องของค่าแฟรนไชส์ ค่าการตั้งคลินิก และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น การฝึกอบรม และค่าการตลาด
  2. ข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจ แม้ว่าแฟรนไชส์จะให้การสนับสนุน แต่อาจจะมีข้อจำกัดในการบริหารจัดการ เพราะต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน และนโยบายของแฟรนไชส์
  3. ส่วนแบ่งรายได้ โดยผู้ลงทุนในแฟรนไชส์อาจจะต้องแบ่งรายได้กับเจ้าของแฟรนไชส์ตามข้อตกลง หรือสัญญาที่ทำร่วมกัน ซึ่งอาจทำให้มีกำไรน้อยกว่าการสร้างแบรนด์คลินิกเอง
  4. ความเสี่ยงจากการแข่งขัน หากเลือกแฟรนไชส์ที่มีการแข่งขันสูงในตลาด คุณอาจพบกับความยากลำบากในการดึงดูดลูกค้าใหม่ และทำกำไร

ข้อดีของการสร้างแบรนด์คลินิกความงาม


แฟรนไชส์คลินิกความงาม โอกาสทางธุรกิจที่น่าลงทุนในปี 2025


  1. มีอิสระในการบริหารและกำหนดทิศทางธุรกิจ โดยสามารถออกแบบบริการ ผลิตภัณฑ์ และกลยุทธ์การตลาดได้เอง สามารถปรับเปลี่ยนแนวทางธุรกิจได้ตามเทรนด์ที่หลากหลายมากกว่า และความต้องการของลูกค้า สร้างเอกลักษณ์ และความแตกต่างจากคู่แข่ง
  2. มีโอกาสสร้างแบรนด์ที่เป็นเอกลักษณ์ ดึงดูดกลุ่มลูกค้าเฉพาะทาง สื่อสารจุดเด่นของคลินิกได้เต็มที่ รวมทั้งควบคุมคุณภาพบริการและผลิตภัณฑ์ได้เอง
  3. สามารถเลือกอุปกรณ์ เทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า สามารถควบคุมมาตรฐานการให้บริการและสร้างความไว้วางใจได้ง่ายกว่า มีโอกาสสร้างกำไรได้มากกว่าในระยะยาว
  4. ไม่ต้องแบ่งรายได้หรือจ่ายค่าธรรมเนียมให้เจ้าของแฟรนไชส์ หากแบรนด์เติบโตได้ดี เราสามารถขยายสาขาหรือสร้างแฟรนไชส์ของตัวเองได้
  5. มีความยืดหยุ่นในการลงทุน สามารถเลือกขนาดการลงทุนได้ตามงบประมาณ ปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจได้ เช่น ขยายบริการหรือเพิ่มผลิตภัณฑ์เสริม

ข้อเสียของการสร้างแบรนด์คลินิกความงาม

  1. ใช้เวลาและต้นทุนในการสร้างแบรนด์ เพราะการเริ่มต้นใหม่ ต้องลงทุนทั้งเงิน เวลา และความพยายามในการสร้างการรับรู้แบรนด์ ซึ่งทำให้ต้องใช้งบจำนวนมากในการทำตลาด และโปรโมท ซึ่งต้องอาศัยการเรียนรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการบริหารธุรกิจ
  2. การบริหารคลินิกต้องมีความรู้ด้านการแพทย์ การตลาด และการจัดการทีมงาน หากไม่มีประสบการณ์ อาจต้องจ้างที่ปรึกษาหรือเรียนรู้เพิ่มเติม
  3. การสร้างฐานลูกค้าต้องใช้เวลา ทั้งในส่วนของการทำให้ลูกค้ารู้จัก และเชื่อมั่นในแบรนด์ ซึ่งอาจใช้เวลาหลายเดือนหรือเป็นปี หรืออาจต้องใช้กลยุทธ์ส่งเสริมการขายที่มากขึ้นเพื่อดึงลูกค้าในช่วงแรก
  4. ความเสี่ยงทางธุรกิจสูงกว่าแฟรนไชส์ เนื่องจากไม่มีระบบสนับสนุนเหมือนการซื้อแฟรนไชส์ เช่น คู่มือการบริหาร หรือเครือข่ายลูกค้า
  5. ต้องรับผิดชอบทุกด้านด้วยตัวเอง ทั้งการเลือกทำเล การตลาด การฝึกอบรมพนักงาน และการขอใบอนุญาต ซึ่งในช่วงแรกหรือระยะยาวอาจมีภาระงานหนักกว่าการซื้อแฟรนไชส์ที่มีระบบรองรับอยู่แล้ว

แฟรนไชส์คลินิก 2025 น่าลงทุนอยู่ไหม ?


แฟรนไชส์คลินิกความงาม โอกาสทางธุรกิจที่น่าลงทุนในปี 2025


สำหรับการเลือกว่าจะลงทุนธุรกิจคลินิกความงามระหว่างแฟรนไชส์ หรือสร้างแบรนด์ใหม่ ก็อาจต้องพิจารณาข้อดีและข้อเสีย ที่เหมาะกับประสบการณ์ ความต้องการ รวมไปถึงเป้าหมายของการลงทุนทำธุรกิจด้านนี้ ซึ่งการลงทุนในแฟรนไชส์คลินิกความงามในปี 2025 ยังถือว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในยุคที่ความสนใจในเรื่องความงามและการดูแลตัวเองเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย มาดูกันว่า นอกจากนี้มีปัจจัยอะไรบ้าง ที่ทำให้แฟรนไชส์คลินิกยังคงน่าสนใจอยู่

  1.  ความต้องการบริการความงามยังคงเพิ่มขึ้น เนื่องจากอุตสาหกรรมความงามเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปี 2025 ที่คนยังคงให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองรอบด้านอยู่แล้ว ทั้งการทำทรีทเมนต์ผิวหน้า การศัลยกรรมหรือหัตถการเล็กน้อย เช่น การปรับรูปหน้า ยกกระชับผิว การลงทุนในแฟรนไชส์คลินิกจึงมีโอกาสที่จะได้กำไรจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้
  2. การสนับสนุนจากระบบแฟรนไชส์ การเลือกลงทุนในแฟรนไชส์คลินิกจะช่วยให้ผู้ลงทุนไม่ต้องเริ่มต้นธุรกิจจากศูนย์ เนื่องจากระบบแฟรนไชส์มีการสนับสนุนทั้งในด้านการฝึกอบรม การตลาด และการบริหารจัดการ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ
  3. เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ เนื่องจากในปี 2025 เทคโนโลยีในด้านการดูแลความงามกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว เช่น เครื่องมือที่ใช้ในการทำทรีทเมนต์ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น หรือการใช้งาน AI ในการวิเคราะห์สภาพผิว การลงทุนในแฟรนไชส์ที่มีการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ จะช่วยให้คลินิกสามารถให้บริการที่มีคุณภาพและทันสมัยมากขึ้น
  4. การเติบโตในกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ไม่เพียงแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่ให้ความสนใจกับบริการความงาม แต่ผู้ชาย และคนรุ่นใหม่เริ่มสนใจ และเข้ามามีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมนี้มากขึ้น ทำให้ตลาดผู้บริโภคขยายตัวขึ้น ดังนั้นแฟรนไชส์คลินิกที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายจะมีโอกาสในการเติบโตสูง
  5. ความเสี่ยงที่ควรระวัง เช่น ความแข็งแกร่งของแบรนด์ที่เลือกลงทุน อัตราการแข่งขันในตลาด และการรักษาคุณภาพของบริการอย่างสม่ำเสมอ

บริหารแฟรนไชส์คลินิกง่ายขึ้นด้วย ProClinic


แฟรนไชส์คลินิกความงาม โอกาสทางธุรกิจที่น่าลงทุนในปี 2025


การบริหารจัดการแฟรนไชส์คลินิกความงามในปัจจุบันอาจจะพบความท้าทายหลายอย่าง เนื่องจากต้องดูแลหลายด้านทั้งการให้บริการลูกค้า การบริหารสต็อกสินค้า และการฝึกอบรมพนักงาน แต่ด้วยการโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ การบริการคลินิกที่ครอบคลุม โดยเฉพาะโปรแกรมบริหารคลินิกที่เชี่ยวชาญด้านคลินิกความงาม ProClinic จะช่วยให้การดูแลคลินิกความงามหลายสาขา หรือการจัดการแฟรนไชส์ก็ง่ายขึ้น ด้วยฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ ไม่ว่าจะเป็น

  1. การจัดการข้อมูลลูกค้า โดยสามารถเก็บข้อมูลทางการแพทย์ ประวัติการรักษา โดยเฉพาะข้อมูลผลเปรียบเทียบก่อนและหลังการรักษา รวมทั้งระบบการนัดหมายต่าง ๆ ทำให้เจ้าของแฟรนไชส์ เจ้าหน้าที่ และแพทย์ สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาค้นหา ลดต้นทุนงบประมาณด้านการจัดซื้ออุปกรณ์สำนักงาน เช่น กระดาษ เครื่องพิมพ์ และหมึกพิมพ์ได้ด้วย
  2. การติดตามผลการดำเนินงานของคลินิก ทั้งรายได้ การรักษา และความพึงพอใจของลูกค้า ทำให้สามารถปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจได้ตามความเหมาะสม
  3. การจัดการสต็อกและวัสดุอย่างมีประสิทธิภาพ ที่ช่วยการติดตามสต็อกสินค้า วัสดุและอุปกรณ์ รวมทั้งยาอย่างมีระบบ ลดความยุ่งยากในการสั่งซื้อ หรือการขาดแคลนวัสดุ และสถิติของสต็อกสินค้า
  4. ระบบนัดหมายอัตโนมัติ ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถทำการนัดหมายออนไลน์ได้สะดวกและรวดเร็ว และยังสามารถแจ้งเตือนให้อัตโนมัติ ลดภาระการโทรนัดหมายของพนักงาน
  5. การรายงานผลการดำเนินงานในแบบเรียลไทม์ ทั้งรายงานการเงิน รายได้จากการให้บริการ สถิติยอดขายของแพทย์แต่ละคนทำให้มีข้อมูลนำไปวิเคราะห์ได้ง่าย รวมทั้งปรับแผลกลยุทธ์ทางการตลาดจากแนวโน้มการซื้อของลูกค้า รวมทั้งการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเดิม และขยายฐานลูกค้าใหม่

อุตสาหกรรมคลินิกความงามยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2025 โดยโอกาสสำหรับการลงทุนในรูปแบบของแฟรนไชส์ ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจคลินิกความงาม โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการสร้างแบรนด์ หรือต้องวางแผนการตลาดตั้งแต่เริ่มต้น เนื่องจากระบบแฟรนไชส์มาพร้อมกับความน่าเชื่อถือ และฐานลูกค้าที่แข็งแรงอยู่แล้ว จึงช่วยลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ ด้วยการเข้าถึงแบรนด์ที่มีชื่อเสียง และแนวทางการบริหารที่ได้เติบโตมาแล้ว นอกจากนี้ หากเลือกใช้ระบบการบริหารคลินิกที่ทันสมัย และตอบโจทย์คลินิกยุคดิจิทัลได้อย่างเหมาะสมก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จกับแฟรนไชส์คลินิกความงามได้อีกด้วย


คำถามที่พบบ่อย


เปิดคลินิกความงาม ลงทุนเท่าไหร่

คลินิกขนาดเล็ก (เริ่มต้นธุรกิจ) ประมาณ 1-2 ล้านบาท คลินิกขนาดกลาง (ระดับมาตรฐาน) ประมาณ 5 - 10 ล้านบาทและคลินิกขนาดใหญ่ (ระดับพรีเมียม/แฟรนไชส์) ประมาณ 10 - 30 ล้านบาทขึ้นไป


แฟรนไชส์คลินิกความงามดีไหม

มีข้อดีตรงที่ใช้แบรนด์ที่มีชื่อเสียง ระบบบริหารจัดการพร้อม แต่มีข้อจำกัดในการบริหาร และต้องแบ่งรายได้ตามเงื่อนไขแฟรนไชส์ เหมาะกับคนที่ต้องการลงทุนแต่ไม่มีประสบการณ์สร้างแบรนด์เอง


ระบบ ProClinic เหมาะสำหรับคนอยากเปิดคลินิก หรือสนใจลงทุนด้านนี้ อย่างไรบ้าง

  1. จัดการนัดหมายและเวชระเบียนแบบ Peperless ช่วยลดความผิดพลาด เพิ่มประสิทธิภาพให้คลินิก
  2. บริหารสต๊อกยาและอุปกรณ์ ช่วยควบคุมต้นทุนและเช็คสินค้าได้แบบเรียลไทม์
  3. ระบบ CRM ดูแลลูกค้า อัปเดตโปรโมชัน แจ้งเตือนนัดหมาย ติดตามผลได้ง่าย และสื่อสารกับลูกค้าได้สะดวกขึ้นผ่าน LINE Official
  4. รองรับการบริหารคลินิกหลายสาขา เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการขยายธุรกิจแบบแฟรนไชส์
  5. การเก้บข้อมูล และระบบการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า เพื่อวางแผลทางการตลาด รักษาลูกค้าเดิม เพิ่มฐานลูกค้าใหม่


ฟังก์ชันอื่น ๆ ของ ProClinic ที่สนับสนุนการเปิดคลินิกมีอะไรอีกบ้าง

  1. ระบบบริหารทีมแพทย์และพนักงาน (Staff & Doctor Management) เช่น การจัดตารางเวรแพทย์และพนักงานอัตโนมัติ คำนวณค่าตอบแทน และค่าคอมมิชชัน รวมทั้งบันทึกชั่วโมงทำงานและประเมินผลงาน
  2. ระบบชำระเงินที่สะดวก ราคาคอร์สต่าง ๆ การจ่ายมัดจำ คูปอง และส่วนลด
  3. Loyalty Program ที่ดูแลและรักษาลูกค้า ด้วยการแบ่งระดับสมาชิก ระบบสะสมแต้ม เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าคนสำคัญได้
  4. Customer Insight ระบบวิเคราะห์ พฤติกรรมการใช้บริการในด้านของความถี่ และกำลังซื้อในแต่ละครั้ง เพื่อนำมาปรับแผนการตลาด