ระบบ paperless ลดขั้นตอนการทำงานแผนกเวชระเบียน หรือ ในคลินิกยังไง

ระบบ paperless ลดขั้นตอนการทำงานแผนกเวชระเบียน หรือ ในคลินิกยังไง

8 มกราคม 2568 เทคนิคบริหารคลินิก 2,680เข้าชม

        แผนกเวชระเบียน หรือหน่วยงานที่ดูแลด้านนี้ในคลินิก มีบทบาทสำคัญยิ่งในการจัดเก็บ รักษา และจัดการข้อมูลเหล่านี้ให้เป็นระบบ ปลอดภัย และสามารถเรียกใช้งานได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน คลินิกหลายแห่งในประเทศไทยยังคงพึ่งพาระบบเวชระเบียนแบบดั้งเดิมที่ใช้กระดาษเป็นหลัก ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาและความท้าทายหลายประการ ทั้งความล่าช้าในการค้นหาและเรียกดูข้อมูล ความแออัดของพื้นที่จัดเก็บเอกสาร ความเสี่ยงต่อการสูญหาย เสียหาย หรือถูกทำลาย รวมถึงความยุ่งยากในการแบ่งปันข้อมูลระหว่างแผนกหรือสถานพยาบาล นำมาซึ่งต้นทุนค่าใช้จ่ายจำนวนมากทั้งค่ากระดาษ หมึกพิมพ์ และการจัดการเอกสาร

        ท่ามกลางยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในทุกภาคส่วน ระบบ Paperless จึงกลายเป็นทางออกที่น่าจับตามองสำหรับการปฏิวัติงานเวชระเบียน ด้วยศักยภาพในการเปลี่ยนผ่านข้อมูลจากกระดาษสู่รูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบนี้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน และยกระดับการให้บริการทางการแพทย์ได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่คำถามสำคัญคือ ภายใต้กฎระเบียบและข้อบังคับของประเทศไทยในปัจจุบัน ระบบ Paperless จะสามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อลดขั้นตอนการทำงานของแผนกเวชระเบียน หรือในคลินิกได้อย่างไร และแค่ไหน?

        บทความนี้จะวิเคราะห์ถึงศักยภาพของระบบ Paperless ในการลดขั้นตอนการทำงานของแผนกเวชระเบียน/ในคลินิก โดยคำนึงถึงข้อจำกัดทางกฎหมายและทางปฏิบัติที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เราจะสำรวจรูปแบบของระบบ Paperless ที่สามารถนำมาใช้ได้จริงภายใต้กรอบของกฎหมาย พร้อมทั้งเจาะลึกถึงวิธีการที่ระบบเหล่านี้ช่วยลดขั้นตอนการทำงาน เพิ่มความรวดเร็ว แม่นยำ และสร้างประโยชน์สูงสุดต่อทั้งผู้ป่วยและผู้ให้บริการทางการแพทย์ได้อย่างไร ภายใต้บริบทที่ว่า "Paperless" ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการยกเลิกการใช้กระดาษทั้งหมด แต่คือการใช้เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ควบคู่ไปกับเอกสารกระดาษเท่าที่จำเป็นและตามที่กฎหมายกำหนด ติดตามกันได้เลย 

การนำระบบ paperless มาใช้ในแผนกเวชทะเบียน หรือในคลินิก 

        การนำระบบ Paperless มาใช้ในแผนกเวชระเบียนหรือในคลินิก คือการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานจากการใช้เอกสารกระดาษไปสู่การใช้เอกสารอิเล็กทรอนิกส์และระบบดิจิทัล ซึ่งในบริบทของประเทศไทยที่ยังต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับเรื่องการใช้เอกสารกระดาษอยู่ จะเป็นการปรับเปลี่ยนในรูปแบบ ลดการใช้กระดาษ (Paper-lite) ไม่ใช่การยกเลิกกระดาษไปทั้งหมด (Completely Paperless)

สำหรับการนำระบบ Paperless (แบบ Paper-lite) มาใช้ในแผนกเวชระเบียน/คลินิก จะเป็นอย่างไรนั้น เรานำมาฝากแล้ว 

1. รูปแบบการนำระบบ Paperless มาใช้ 

        เรื่องนี้ทางผู้เขียนขอลงรายละเอียดนิดหนึ่ง โดยจะเป็นดังนี้

สำหรับเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์แบบไฮบริด (Hybrid EMR/EHR)

        บันทึกข้อมูลผู้ป่วย เช่น ประวัติการรักษา ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ผลการวินิจฉัย อาการสำคัญ ลงในระบบคอมพิวเตอร์ รวมไปถึงการสแกนเอกสารสำคัญ เช่น ใบยินยอมรักษา (Consent Form), เอกสารส่งตัว, รายงานจากแพทย์ภายนอก เก็บเป็นไฟล์ดิจิทัลในระบบ และอาจมีการทำลายเอกสารต้นฉบับในภายหลังตามอายุการจัดเก็บที่เหมาะสม

อย่าลืมว่ายังคงต้องออก "ใบ OPD กระดาษ" หรือ "บัตรตรวจโรค" ตามระเบียบของกระทรวงสาธารณสุข แต่สามารถลดการจดบันทึกข้อมูลซ้ำซ้อนลงได้ โดยใช้การอ้างอิงเลขที่ OPD บนใบ OPD กระดาษ เชื่อมโยงกับข้อมูลในระบบ EMR

ระบบจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (DMS)

        จัดเก็บเอกสารสแกนต่าง ๆ อย่างเป็นหมวดหมู่ และกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงเอกสารตามระดับผู้ใช้งาน ซึ่งจะอำนวยความสะดวกในการค้นหาและเรียกดูเอกสาร

ระบบสั่งยาอิเล็กทรอนิกส์ (e-Prescribing)

        แพทย์สามารถสั่งยาผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ตรวจสอบประวัติการแพ้ยา ตรวจสอบปฏิกิริยาระหว่างยาได้เลย ซึ่งจะลดความผิดพลาดจากการอ่านลายมือ ไปจนถึงพิมพ์ใบสั่งยาออกมาให้ผู้ป่วย/เภสัชกรได้ (แต่ยังคงต้องมีสำเนากระดาษ)

ระบบนัดหมายและลงทะเบียนออนไลน์

ระบบนัดหมายระบบนัดหมาย

        ผู้ป่วยสามารถนัดหมายแพทย์และลงทะเบียนล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของคลินิก ลดความแออัดและระยะเวลารอคอยที่หน้างานได้ 

ระบบลงทะเบียนผู้ป่วยอิเล็กทรอนิกส์ (Paperless Registration)

        ผู้ป่วยใหม่กรอกข้อมูลประวัติส่วนตัวผ่านแท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์ ลดการกรอกแบบฟอร์มกระดาษหลายใบ ตัวข้อมูลก็จะเชื่อมโยงเข้าสู่ระบบ EMR โดยอัตโนมัติ

การใช้ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signature)

        ในส่วนที่กฎหมายอนุญาตและมีผลบังคับใช้ อาจใช้ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์แทนการเซ็นชื่อบนกระดาษได้ (แต่ต้องเป็นลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้มาตรฐานและน่าเชื่อถือ)

2. การเปลี่ยนแปลงในขั้นตอนการทำงาน

การลงทะเบียน

        จากเดิมที่ต้องกรอกแบบฟอร์มกระดาษหลายใบ เปลี่ยนเป็นการกรอกข้อมูลผ่านแท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจะถูกบันทึกลงในระบบโดยอัตโนมัติ

การค้นหาเวชระเบียน

        จากเดิมที่ต้องเดินไปค้นหาแฟ้มเวชระเบียนจากชั้นเก็บเอกสาร เปลี่ยนเป็นการค้นหาผ่านระบบ EMR/DMS โดยใช้เลขที่ OPD, ชื่อ-นามสกุล, หรือ HN (Hospital Number)

การบันทึกข้อมูลการรักษา

ระบบบันทึกประวัติการรักษาระบบบันทึกประวัติการรักษา

        แพทย์และพยาบาลบันทึกข้อมูลการรักษาลงในระบบ EMR โดยตรง และผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการสามารถเชื่อมโยงเข้าสู่ระบบ EMR โดยอัตโนมัติ (ถ้ามีการเชื่อมต่อระบบ)

การออกใบนัด

        สามารถออกใบนัดผ่านระบบ และส่งให้ผู้ป่วยทาง SMS, Email หรือแอปพลิเคชัน (แต่ยังคงต้องออกใบนัดกระดาษให้ในบางกรณี)

การจัดเก็บและทำลายเวชระเบียน

        ตรงนี้เองที่จะลดพื้นที่จัดเก็บเอกสารกระดาษ จัดเก็บเอกสารสแกนในรูปแบบดิจิทัล และสามารถทำลายเอกสารตามอายุการจัดเก็บที่กำหนด

เปรียบเทียบการใช้ระบบเอกสาร กับ paperless 

        ดังที่กล่าวไปแล้วว่าในโลกยุคดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลข่าวสาร การจัดการเอกสารอย่างมีประสิทธิภาพถือเป็นหัวใจสำคัญของทุกองค์กร ไม่เว้นแม้แต่สถานพยาบาลอย่างคลินิกหรือแผนกเวชระเบียน ในอดีต การจัดการเอกสารมักพึ่งพาระบบเอกสารแบบดั้งเดิมที่ใช้กระดาษเป็นหลัก ซึ่งก่อให้เกิดความท้าทายหลายประการ ทั้งความล่าช้า ความยุ่งยาก และค่าใช้จ่ายแฝงมากมาย ในทางตรงกันข้าม ระบบ Paperless หรือการจัดการเอกสารแบบไร้กระดาษ ได้กลายเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าจับตามอง ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดขั้นตอน และลดต้นทุน แล้วระบบไหนจะตอบโจทย์การทำงานได้ดีกว่ากัน? 

1. ต้นทุน

        ระบบเอกสารแบบดั้งเดิมนั้น แม้ดูเหมือนจะมีต้นทุนเริ่มต้นต่ำ แต่กลับแฝงไปด้วยค่าใช้จ่ายต่อเนื่องและต้นทุนแฝงมากมาย ทั้งค่ากระดาษ ค่าหมึกพิมพ์ ค่าเครื่องถ่ายเอกสาร ค่าซ่อมบำรุง ค่าจัดส่งเอกสาร ไหนจะพื้นที่จัดเก็บที่กินบริเวณกว้างขวาง นอกจากนี้ยังเสียเวลาไปกับขั้นตอนที่เทอะทะ ทั้งการค้นหา จัดเรียง ทำสำเนา และจัดการเอกสาร ความผิดพลาดจากคน (Human Error) ก็เกิดขึ้นได้ง่าย ยิ่งไปกว่านั้น การเข้าถึงข้อมูลที่ล่าช้าอาจนำมาซึ่งค่าเสียโอกาสทางธุรกิจอีกด้วย

        ในทางตรงกันข้าม ระบบ Paperless แม้จะต้องมีการลงทุนเริ่มต้นในด้านระบบ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการฝึกอบรม แต่ในระยะยาวจะช่วยลดต้นทุนได้อย่างมีนัยสำคัญ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับกระดาษ หมึกพิมพ์ และการจัดเก็บเอกสารจะลดลงอย่างมาก การค้นหาและจัดการข้อมูลก็รวดเร็วและแม่นยำขึ้นด้วยระบบดิจิทัล ลดความผิดพลาด ประหยัดเวลา และเพิ่มพื้นที่ใช้สอย แม้จะต้องมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและบำรุงรักษาระบบ แต่เมื่อเทียบกับต้นทุนแฝงที่ลดลง รวมถึงประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นแล้ว ก็นับว่าคุ้มค่า

        สรุปสั้น  ๆ คือ ระบบเอกสารมีต้นทุนแฝงสูง ส่วน Paperless เป็นการลงทุนเพื่อประหยัดในระยะยาว จุดคุ้มทุนจะขึ้นอยู่กับขนาดองค์กรและปริมาณเอกสาร การวิเคราะห์ต้นทุนอย่างละเอียดจึงเป็นสิ่งจำเป็น นอกจากนี้ ควรคำนึงถึงประโยชน์ด้านอื่น ๆ ของ Paperless ประกอบด้วย เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพ และการให้บริการที่รวดเร็วขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ประเมินค่าเป็นตัวเงินได้ยาก แต่ส่งผลดีต่อธุรกิจอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคลินิกหรือแผนกเวชระเบียนที่การเข้าถึงข้อมูลอย่างรวดเร็วและแม่นยำเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง 

2. ความซับซ้อนในการจัดเก็บข้อมูล

ระบบข้อมูลลูกค้าระบบข้อมูลลูกค้า

        การจัดเก็บข้อมูลในระบบเอกสารแบบดั้งเดิมนั้น มีความซับซ้อนสูง เริ่มตั้งแต่การจัดหมวดหมู่เอกสารที่ต้องอาศัยระบบการจัดเรียงที่เป็นมาตรฐานและต้องอาศัยความเข้าใจตรงกันของทุกคนในองค์กร การจัดเก็บต้องใช้พื้นที่มาก ต้องมีตู้เก็บเอกสาร ชั้นวาง และแฟ้มจำนวนมาก ซึ่งยากต่อการควบคุมดูแล 

        นอกจากนี้ การค้นหาเอกสารแต่ละครั้งก็เปรียบเสมือนการงมเข็มในมหาสมุทร ต้องอาศัยความจำ ความชำนาญ และโชคช่วย เอกสารสำคัญอาจสูญหายหรือชำรุดได้ง่ายจากภัยธรรมชาติ อุบัติเหตุ หรือแม้แต่การเสื่อมสภาพตามกาลเวลา การทำสำรองข้อมูลก็ทำได้ยากและสิ้นเปลืองทรัพยากร การแก้ไขหรือปรับปรุงข้อมูลบนเอกสารกระดาษก็เป็นเรื่องที่ยุ่งยาก ต้องเขียนใหม่ทั้งหมด ทำให้เกิดความซ้ำซ้อนและสิ้นเปลือง

        ในทางตรงกันข้าม ระบบ Paperless ลดความซับซ้อนในการจัดเก็บข้อมูลลงอย่างมาก ข้อมูลจะถูกจัดเก็บในรูปแบบดิจิทัลบนเซิร์ฟเวอร์หรือระบบคลาวด์ การจัดหมวดหมู่และค้นหาข้อมูลทำได้ง่ายและรวดเร็วผ่านระบบจัดการฐานข้อมูล เพียงแค่กรอกคำค้นหา (Keyword) ที่ต้องการ ระบบสามารถสำรองข้อมูลได้โดยอัตโนมัติและกู้คืนได้ง่ายหากเกิดปัญหา การเข้าถึงข้อมูลสามารถทำได้จากทุกที่ ทุกเวลา ผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ช่วยให้การทำงานสะดวกและคล่องตัว การแก้ไขและอัปเดตข้อมูลก็ทำได้ง่ายและรวดเร็ว ไม่ต้องพิมพ์เอกสารใหม่ทั้งหมด

        ระบบเอกสารแบบดั้งเดิมมีความซับซ้อนในการจัดเก็บ ค้นหา และจัดการข้อมูล ในขณะที่ระบบ Paperless ช่วยให้การจัดเก็บข้อมูลง่าย เป็นระบบ และมีประสิทธิภาพมากกว่า ลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก ประหยัดเวลา พื้นที่ และทรัพยากร อีกทั้งยังเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลอีกด้วย 

3. ระยะเวลาในการหาเอกสาร

เอกสาร

        ลองนึกภาพว่าคุณกำลังรีบหาเวชระเบียนคนไข้สักคน แต่กลับต้องมางมหาท่ามกลางกองเอกสารมหึมา ระบบเอกสารแบบเก่าก็เหมือนเขาวงกตดี ๆ นี่เอง คุณต้องเดินไปตามชั้น ตามตู้ เปิดแฟ้ม ไล่ดูทีละแผ่น กว่าจะเจอ ยิ่งถ้าเอกสารเกิดหลงไปอยู่ผิดที่ผิดทาง หรือโชคร้ายเกิดหายขึ้นมา คราวนี้ล่ะ เรื่องใหญ่ ยิ่งในเวลาฉุกเฉินที่ต้องแข่งกับเวลา บอกเลยว่าระบบนี้พาหงุดหงิดและเสียเวลาสุด ๆ

        ตัดภาพมาที่ระบบ Paperless โลกทั้งใบก็เปลี่ยนไป แค่คลิก คลิก คลิก พิมพ์คำที่ต้องการลงไป ไม่ว่าจะเป็นชื่อคนไข้ เลขประจำตัว หรือวันที่มาหาหมอ ข้อมูลที่คุณต้องการก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าภายในพริบตาเหมือนมีเวทมนตร์ ไม่ต้องเสียเวลาเดินหา ไม่ต้องปวดหัวกับกองเอกสาร ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ ระบบนี้จะช่วยให้คุณทำงานได้เร็วปานจรวด โดยเฉพาะในโรงพยาบาลหรือคลินิกที่ทุกวินาทีมีค่า บอกลาความล่าช้าไปได้เลย

        ระบบเอกสารแบบเก่ามันช่างยุ่งยากและเสียเวลา เหมือนคุณกำลังเล่นเกมล่าสมบัติที่ไม่มีวันสิ้นสุด แต่ระบบ Paperless นั้นต่างออกไป มันคือการวาร์ปไปสู่ยุคดิจิทัล ที่ทุกอย่างรวดเร็วและง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส และนี่คือความแตกต่างที่ชัดเจน ว่าทำไมเราถึงควรโบกมือลาระบบเก่า ๆ แล้วใช้ระบบ Paperless ที่สะดวกสบายกว่ากันเยอะ

ข้อดีของการใช้ระบบ paperless มาช่วยบริหารงานภายในเวชทะเบียน หรือคลินิก

        ทิ้งกองเอกสารสูงท่วมหัว แล้ววาร์ปสู่ยุคดิจิทัลได้แล้ว เพราะระบบ Paperless กำลังจะเปลี่ยนโฉมหน้างานเวชระเบียนและคลินิกของคุณ เตรียมบอกลาความยุ่งเหยิง มาสัมผัสความรวดเร็ว สะดวกสบาย แถมประหยัดทั้งเงินและเวลา 

1. ลดระยะเวลาเก็บและค้นหาข้อมูลผู้ป่วย

        ระบบ Paperless เปลี่ยนการเก็บและค้นหาข้อมูลผู้ป่วยให้กลายเป็นเรื่องง่ายแค่ปลายนิ้ว เพราะระบบเอกสารแบบเก่าเหมือนคุณติดอยู่ในเขาวงกต กว่าจะหาแฟ้มเจอ กว่าจะเจอหน้าที่ต้องการ เสียเวลาเป็นวัน ๆ ยิ่งถ้าเอกสารเกิดผิดที่ผิดทาง ก็เหมือนภารกิจตามล่าสมบัติที่แทบเป็นไปไม่ได้

        ระบบ Paperless แค่พิมพ์ชื่อผู้ป่วยหรือเลขประจำตัว คลิก ข้อมูลทั้งหมดก็ปรากฏตรงหน้าในไม่กี่วินาที เหมือนมีผู้ช่วยอัจฉริยะที่จำข้อมูลผู้ป่วยทุกคนได้ขึ้นใจ ไม่ต้องเสียเวลาเดินหา ไม่ต้องปวดหัวกับกองเอกสาร

2. ลดข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นระหว่างจัดเก็บข้อมูล

        ระบบเอกสาร จะพึ่งพามือและตาของมนุษย์ ซึ่งก็มีโอกาสผิดพลาดกันได้ ไม่ว่าจะเขียนผิด อ่านลายมือไม่ออก หยิบแฟ้มผิด หรือเอกสารสลับที่ ความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะในงานเวชระเบียนที่ทุกข้อมูลสำคัญ

        ส่วนระบบ Paperless เหมือนมี "ผู้ช่วยอัจฉริยะ" ที่มีความแม่นยำสูง ข้อมูลถูกบันทึกและจัดเก็บแบบดิจิทัล ลดโอกาสผิดพลาดจากคนไปได้เยอะ พิมพ์ครั้งเดียว ใช้ได้ทุกที่ ไม่ต้องกังวลเรื่องลายมืออ่านยาก หรือเอกสารสลับกัน แถมยังตรวจสอบและแก้ไขได้ง่าย มั่นใจได้ว่าข้อมูลถูกต้องและเชื่อถือได้ 

3. เพิ่มความสะดวกในการจัดเก็บข้อมูล

        Paperless เนรมิตพื้นที่จัดเก็บข้อมูลของคุณให้ "กว้าง สบาย หายห่วง" เพราะระบบเก่า ๆ เหมือนแบกโลกทั้งใบไว้บนบ่า ต้องมีตู้ มีชั้น มีห้องเก็บเอกสาร กินพื้นที่ แถมยังต้องวุ่นวายกับการจัดเรียง แยกหมวดหมู่ หาที่เท่าไหร่ก็ไม่พอ ยิ่งนานวันเอกสารยิ่งพอกพูน

        Paperless จะเปลี่ยนข้อมูลมหาศาลให้กลายเป็นไฟล์ดิจิทัล เก็บทุกอย่างไว้ในคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวหรือบนระบบคลาวด์ "คลิกเดียวจบ" ไม่ต้องเปลืองพื้นที่ ไม่ต้องเสียเวลาจัดเรียง แถมยังพกพาไปไหนก็ได้ สะดวกสุด ๆ 

4. ลดต้นทุน

        Paperless = เซฟเงินแบบเห็นๆ คุณไม่ต้องเปลืองเงินซื้อกระดาษกองโต ประหยัดไปได้หลายบาท บอกลาตลับหมึกราคาแพง เพราะพิมพ์น้อยลง ไปจนถึงเครื่องพิมพ์ เครื่องถ่ายเอกสาร ใช้น้อยลง ก็ซ่อมน้อยลง และค่าตู้ ค่าชั้น ค่าห้องเก็บเอกสาร พื้นที่เหล่านี้จะกลายเป็นพื้นที่ทำเงินแทน

        คิดง่าย ๆ เอกสารน้อยลง ค่าใช้จ่ายก็น้อยลง พื้นที่มากขึ้น โอกาสสร้างรายได้ก็มากขึ้น Paperless ไม่ใช่แค่รักษ์โลก แต่ยังรักษ์เงินในกระเป๋าของคุณด้วย เปลี่ยนค่าใช้จ่ายจุกจิก ให้กลายเป็นกำไรที่มากขึ้น วิน-วินทั้งคลินิกและสิ่งแวดล้อม 

        โลกเปลี่ยนไปแล้ว งานเวชระเบียนของคุณก็ควรเปลี่ยนตาม อย่าจมอยู่กับระบบเอกสารแบบเก่าที่ทั้งช้า ทั้งเปลือง ทั้งยุ่งยาก ระบบ Paperless คือกุญแจสำคัญที่จะไขประตูสู่ประสิทธิภาพ และความล้ำสมัย และ ProClinic คือผู้ช่วยอัจฉริยะที่คุณตามหา ด้วยระบบเขียน OPD ที่เหนือกว่า ให้คุณหมอเขียนทุกอย่างได้ครบจบในที่เดียว ProClinic ไม่ได้เป็นแค่ระบบจัดการ แต่คือ "นวัตกรรม" ที่จะยกระดับคลินิกของคุณให้เหนือชั้นกว่าใคร สัมผัสความแตกต่างได้แล้ววันนี้ 

ProClinic โปรแกรมคลินิก…ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากที่สุด

ทีมงานมีประสบการณ์ดูแลคลินิกมากกว่า 200 สาขา ทำให้เราเข้าใจธุรกิจและความต้องการของเจ้าของธุรกิจอย่างลึกซึ้ง ทำให้เราสามารถออกแบบและสร้างโปรแกรมคลินิกที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้จริง

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใบนัดแพทย์ออนไลน์ ตอบโจทย์ความสะดวกสบายให้คลินิกความงาม

ใบนัดแพทย์ออนไลน์ ตอบโจทย์ความสะดวกสบายให้คลินิกความงาม

29 กันยายน 2568 147เข้าชม

สร้างการเข้าถึงง่ายให้คลินิกความงามของคุณมากขึ้น ด้วยใบนัดแพทย์ออนไลน์ ตอบโจทย์ความสะดวกสบาย นัดหมายรวดเร็วขึ้น มาดูกันว่าใบนัดแพทย์ แบบฟอร์มหน้าตาเป็นอย่างไร

Excel แบบฟอร์ม Stock Card ยาคืออะไร สำคัญในการสต็อกยาอย่างไร

Excel แบบฟอร์ม Stock Card ยาคืออะไร สำคัญในการสต็อกยาอย่างไร

29 กันยายน 2568 118เข้าชม

การสต็อกยาเป็นสิ่งที่คลินิกความงามหรือโรงพยาบาลให้ความสำคัญ จึงมีการนำ Excel แบบฟอร์ม stock card ยา มาจัดการให้เป็นระบบ มาดูหน้าตาของ template Excel คลินิกกัน

CDP สำหรับคลินิกความงาม เข้าใจลูกค้าได้ ก็เพิ่มยอดขายแม่นยำ

CDP สำหรับคลินิกความงาม เข้าใจลูกค้าได้ ก็เพิ่มยอดขายแม่นยำ

7 กรกฎาคม 2568 274เข้าชม

CDP สำหรับคลินิกความงาม จะทำให้เข้าใจลูกค้าได้ลึกขึ้น ต่อยอดพัฒนาแผนการตลาด เพิ่มยอดขายให้ปังได้อย่างแม่นยำ มาดูกันว่า CDP คืออะไร และนำไปใช้งานได้อย่างไรบ้าง

ติดต่อเรา

โปรแกรมคลินิก…ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากที่สุด