ระบบ paperless ลดขั้นตอนการทำงานแผนกเวชระเบียน หรือ ในคลินิกยังไง

ระบบ paperless ลดขั้นตอนการทำงานแผนกเวชระเบียน หรือ ในคลินิกยังไง

8 มกราคม 2568 เทคนิคบริหารคลินิก 138เข้าชม

        แผนกเวชระเบียน หรือหน่วยงานที่ดูแลด้านนี้ในคลินิก มีบทบาทสำคัญยิ่งในการจัดเก็บ รักษา และจัดการข้อมูลเหล่านี้ให้เป็นระบบ ปลอดภัย และสามารถเรียกใช้งานได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน คลินิกหลายแห่งในประเทศไทยยังคงพึ่งพาระบบเวชระเบียนแบบดั้งเดิมที่ใช้กระดาษเป็นหลัก ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาและความท้าทายหลายประการ ทั้งความล่าช้าในการค้นหาและเรียกดูข้อมูล ความแออัดของพื้นที่จัดเก็บเอกสาร ความเสี่ยงต่อการสูญหาย เสียหาย หรือถูกทำลาย รวมถึงความยุ่งยากในการแบ่งปันข้อมูลระหว่างแผนกหรือสถานพยาบาล นำมาซึ่งต้นทุนค่าใช้จ่ายจำนวนมากทั้งค่ากระดาษ หมึกพิมพ์ และการจัดการเอกสาร

        ท่ามกลางยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในทุกภาคส่วน ระบบ Paperless จึงกลายเป็นทางออกที่น่าจับตามองสำหรับการปฏิวัติงานเวชระเบียน ด้วยศักยภาพในการเปลี่ยนผ่านข้อมูลจากกระดาษสู่รูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบนี้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน และยกระดับการให้บริการทางการแพทย์ได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่คำถามสำคัญคือ ภายใต้กฎระเบียบและข้อบังคับของประเทศไทยในปัจจุบัน ระบบ Paperless จะสามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อลดขั้นตอนการทำงานของแผนกเวชระเบียน หรือในคลินิกได้อย่างไร และแค่ไหน?

        บทความนี้จะวิเคราะห์ถึงศักยภาพของระบบ Paperless ในการลดขั้นตอนการทำงานของแผนกเวชระเบียน/ในคลินิก โดยคำนึงถึงข้อจำกัดทางกฎหมายและทางปฏิบัติที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เราจะสำรวจรูปแบบของระบบ Paperless ที่สามารถนำมาใช้ได้จริงภายใต้กรอบของกฎหมาย พร้อมทั้งเจาะลึกถึงวิธีการที่ระบบเหล่านี้ช่วยลดขั้นตอนการทำงาน เพิ่มความรวดเร็ว แม่นยำ และสร้างประโยชน์สูงสุดต่อทั้งผู้ป่วยและผู้ให้บริการทางการแพทย์ได้อย่างไร ภายใต้บริบทที่ว่า "Paperless" ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการยกเลิกการใช้กระดาษทั้งหมด แต่คือการใช้เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ควบคู่ไปกับเอกสารกระดาษเท่าที่จำเป็นและตามที่กฎหมายกำหนด ติดตามกันได้เลย 

การนำระบบ paperless มาใช้ในแผนกเวชทะเบียน หรือในคลินิก 

        การนำระบบ Paperless มาใช้ในแผนกเวชระเบียนหรือในคลินิก คือการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานจากการใช้เอกสารกระดาษไปสู่การใช้เอกสารอิเล็กทรอนิกส์และระบบดิจิทัล ซึ่งในบริบทของประเทศไทยที่ยังต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับเรื่องการใช้เอกสารกระดาษอยู่ จะเป็นการปรับเปลี่ยนในรูปแบบ ลดการใช้กระดาษ (Paper-lite) ไม่ใช่การยกเลิกกระดาษไปทั้งหมด (Completely Paperless)

สำหรับการนำระบบ Paperless (แบบ Paper-lite) มาใช้ในแผนกเวชระเบียน/คลินิก จะเป็นอย่างไรนั้น เรานำมาฝากแล้ว 

1. รูปแบบการนำระบบ Paperless มาใช้ 

        เรื่องนี้ทางผู้เขียนขอลงรายละเอียดนิดหนึ่ง โดยจะเป็นดังนี้

สำหรับเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์แบบไฮบริด (Hybrid EMR/EHR)

        บันทึกข้อมูลผู้ป่วย เช่น ประวัติการรักษา ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ผลการวินิจฉัย อาการสำคัญ ลงในระบบคอมพิวเตอร์ รวมไปถึงการสแกนเอกสารสำคัญ เช่น ใบยินยอมรักษา (Consent Form), เอกสารส่งตัว, รายงานจากแพทย์ภายนอก เก็บเป็นไฟล์ดิจิทัลในระบบ และอาจมีการทำลายเอกสารต้นฉบับในภายหลังตามอายุการจัดเก็บที่เหมาะสม

อย่าลืมว่ายังคงต้องออก "ใบ OPD กระดาษ" หรือ "บัตรตรวจโรค" ตามระเบียบของกระทรวงสาธารณสุข แต่สามารถลดการจดบันทึกข้อมูลซ้ำซ้อนลงได้ โดยใช้การอ้างอิงเลขที่ OPD บนใบ OPD กระดาษ เชื่อมโยงกับข้อมูลในระบบ EMR

ระบบจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (DMS)

        จัดเก็บเอกสารสแกนต่าง ๆ อย่างเป็นหมวดหมู่ และกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงเอกสารตามระดับผู้ใช้งาน ซึ่งจะอำนวยความสะดวกในการค้นหาและเรียกดูเอกสาร

ระบบสั่งยาอิเล็กทรอนิกส์ (e-Prescribing)

        แพทย์สามารถสั่งยาผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ตรวจสอบประวัติการแพ้ยา ตรวจสอบปฏิกิริยาระหว่างยาได้เลย ซึ่งจะลดความผิดพลาดจากการอ่านลายมือ ไปจนถึงพิมพ์ใบสั่งยาออกมาให้ผู้ป่วย/เภสัชกรได้ (แต่ยังคงต้องมีสำเนากระดาษ)

ระบบนัดหมายและลงทะเบียนออนไลน์

ระบบนัดหมายระบบนัดหมาย

        ผู้ป่วยสามารถนัดหมายแพทย์และลงทะเบียนล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของคลินิก ลดความแออัดและระยะเวลารอคอยที่หน้างานได้ 

ระบบลงทะเบียนผู้ป่วยอิเล็กทรอนิกส์ (Paperless Registration)

        ผู้ป่วยใหม่กรอกข้อมูลประวัติส่วนตัวผ่านแท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์ ลดการกรอกแบบฟอร์มกระดาษหลายใบ ตัวข้อมูลก็จะเชื่อมโยงเข้าสู่ระบบ EMR โดยอัตโนมัติ

การใช้ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signature)

        ในส่วนที่กฎหมายอนุญาตและมีผลบังคับใช้ อาจใช้ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์แทนการเซ็นชื่อบนกระดาษได้ (แต่ต้องเป็นลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้มาตรฐานและน่าเชื่อถือ)

2. การเปลี่ยนแปลงในขั้นตอนการทำงาน

การลงทะเบียน

        จากเดิมที่ต้องกรอกแบบฟอร์มกระดาษหลายใบ เปลี่ยนเป็นการกรอกข้อมูลผ่านแท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจะถูกบันทึกลงในระบบโดยอัตโนมัติ

การค้นหาเวชระเบียน

        จากเดิมที่ต้องเดินไปค้นหาแฟ้มเวชระเบียนจากชั้นเก็บเอกสาร เปลี่ยนเป็นการค้นหาผ่านระบบ EMR/DMS โดยใช้เลขที่ OPD, ชื่อ-นามสกุล, หรือ HN (Hospital Number)

การบันทึกข้อมูลการรักษา

ระบบบันทึกประวัติการรักษาระบบบันทึกประวัติการรักษา

        แพทย์และพยาบาลบันทึกข้อมูลการรักษาลงในระบบ EMR โดยตรง และผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการสามารถเชื่อมโยงเข้าสู่ระบบ EMR โดยอัตโนมัติ (ถ้ามีการเชื่อมต่อระบบ)

การออกใบนัด

        สามารถออกใบนัดผ่านระบบ และส่งให้ผู้ป่วยทาง SMS, Email หรือแอปพลิเคชัน (แต่ยังคงต้องออกใบนัดกระดาษให้ในบางกรณี)

การจัดเก็บและทำลายเวชระเบียน

        ตรงนี้เองที่จะลดพื้นที่จัดเก็บเอกสารกระดาษ จัดเก็บเอกสารสแกนในรูปแบบดิจิทัล และสามารถทำลายเอกสารตามอายุการจัดเก็บที่กำหนด

เปรียบเทียบการใช้ระบบเอกสาร กับ paperless 

        ดังที่กล่าวไปแล้วว่าในโลกยุคดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลข่าวสาร การจัดการเอกสารอย่างมีประสิทธิภาพถือเป็นหัวใจสำคัญของทุกองค์กร ไม่เว้นแม้แต่สถานพยาบาลอย่างคลินิกหรือแผนกเวชระเบียน ในอดีต การจัดการเอกสารมักพึ่งพาระบบเอกสารแบบดั้งเดิมที่ใช้กระดาษเป็นหลัก ซึ่งก่อให้เกิดความท้าทายหลายประการ ทั้งความล่าช้า ความยุ่งยาก และค่าใช้จ่ายแฝงมากมาย ในทางตรงกันข้าม ระบบ Paperless หรือการจัดการเอกสารแบบไร้กระดาษ ได้กลายเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าจับตามอง ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดขั้นตอน และลดต้นทุน แล้วระบบไหนจะตอบโจทย์การทำงานได้ดีกว่ากัน? 

1. ต้นทุน

        ระบบเอกสารแบบดั้งเดิมนั้น แม้ดูเหมือนจะมีต้นทุนเริ่มต้นต่ำ แต่กลับแฝงไปด้วยค่าใช้จ่ายต่อเนื่องและต้นทุนแฝงมากมาย ทั้งค่ากระดาษ ค่าหมึกพิมพ์ ค่าเครื่องถ่ายเอกสาร ค่าซ่อมบำรุง ค่าจัดส่งเอกสาร ไหนจะพื้นที่จัดเก็บที่กินบริเวณกว้างขวาง นอกจากนี้ยังเสียเวลาไปกับขั้นตอนที่เทอะทะ ทั้งการค้นหา จัดเรียง ทำสำเนา และจัดการเอกสาร ความผิดพลาดจากคน (Human Error) ก็เกิดขึ้นได้ง่าย ยิ่งไปกว่านั้น การเข้าถึงข้อมูลที่ล่าช้าอาจนำมาซึ่งค่าเสียโอกาสทางธุรกิจอีกด้วย

        ในทางตรงกันข้าม ระบบ Paperless แม้จะต้องมีการลงทุนเริ่มต้นในด้านระบบ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการฝึกอบรม แต่ในระยะยาวจะช่วยลดต้นทุนได้อย่างมีนัยสำคัญ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับกระดาษ หมึกพิมพ์ และการจัดเก็บเอกสารจะลดลงอย่างมาก การค้นหาและจัดการข้อมูลก็รวดเร็วและแม่นยำขึ้นด้วยระบบดิจิทัล ลดความผิดพลาด ประหยัดเวลา และเพิ่มพื้นที่ใช้สอย แม้จะต้องมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและบำรุงรักษาระบบ แต่เมื่อเทียบกับต้นทุนแฝงที่ลดลง รวมถึงประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นแล้ว ก็นับว่าคุ้มค่า

        สรุปสั้น  ๆ คือ ระบบเอกสารมีต้นทุนแฝงสูง ส่วน Paperless เป็นการลงทุนเพื่อประหยัดในระยะยาว จุดคุ้มทุนจะขึ้นอยู่กับขนาดองค์กรและปริมาณเอกสาร การวิเคราะห์ต้นทุนอย่างละเอียดจึงเป็นสิ่งจำเป็น นอกจากนี้ ควรคำนึงถึงประโยชน์ด้านอื่น ๆ ของ Paperless ประกอบด้วย เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพ และการให้บริการที่รวดเร็วขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ประเมินค่าเป็นตัวเงินได้ยาก แต่ส่งผลดีต่อธุรกิจอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคลินิกหรือแผนกเวชระเบียนที่การเข้าถึงข้อมูลอย่างรวดเร็วและแม่นยำเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง 

2. ความซับซ้อนในการจัดเก็บข้อมูล

ระบบข้อมูลลูกค้าระบบข้อมูลลูกค้า

        การจัดเก็บข้อมูลในระบบเอกสารแบบดั้งเดิมนั้น มีความซับซ้อนสูง เริ่มตั้งแต่การจัดหมวดหมู่เอกสารที่ต้องอาศัยระบบการจัดเรียงที่เป็นมาตรฐานและต้องอาศัยความเข้าใจตรงกันของทุกคนในองค์กร การจัดเก็บต้องใช้พื้นที่มาก ต้องมีตู้เก็บเอกสาร ชั้นวาง และแฟ้มจำนวนมาก ซึ่งยากต่อการควบคุมดูแล 

        นอกจากนี้ การค้นหาเอกสารแต่ละครั้งก็เปรียบเสมือนการงมเข็มในมหาสมุทร ต้องอาศัยความจำ ความชำนาญ และโชคช่วย เอกสารสำคัญอาจสูญหายหรือชำรุดได้ง่ายจากภัยธรรมชาติ อุบัติเหตุ หรือแม้แต่การเสื่อมสภาพตามกาลเวลา การทำสำรองข้อมูลก็ทำได้ยากและสิ้นเปลืองทรัพยากร การแก้ไขหรือปรับปรุงข้อมูลบนเอกสารกระดาษก็เป็นเรื่องที่ยุ่งยาก ต้องเขียนใหม่ทั้งหมด ทำให้เกิดความซ้ำซ้อนและสิ้นเปลือง

        ในทางตรงกันข้าม ระบบ Paperless ลดความซับซ้อนในการจัดเก็บข้อมูลลงอย่างมาก ข้อมูลจะถูกจัดเก็บในรูปแบบดิจิทัลบนเซิร์ฟเวอร์หรือระบบคลาวด์ การจัดหมวดหมู่และค้นหาข้อมูลทำได้ง่ายและรวดเร็วผ่านระบบจัดการฐานข้อมูล เพียงแค่กรอกคำค้นหา (Keyword) ที่ต้องการ ระบบสามารถสำรองข้อมูลได้โดยอัตโนมัติและกู้คืนได้ง่ายหากเกิดปัญหา การเข้าถึงข้อมูลสามารถทำได้จากทุกที่ ทุกเวลา ผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ช่วยให้การทำงานสะดวกและคล่องตัว การแก้ไขและอัปเดตข้อมูลก็ทำได้ง่ายและรวดเร็ว ไม่ต้องพิมพ์เอกสารใหม่ทั้งหมด

        ระบบเอกสารแบบดั้งเดิมมีความซับซ้อนในการจัดเก็บ ค้นหา และจัดการข้อมูล ในขณะที่ระบบ Paperless ช่วยให้การจัดเก็บข้อมูลง่าย เป็นระบบ และมีประสิทธิภาพมากกว่า ลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก ประหยัดเวลา พื้นที่ และทรัพยากร อีกทั้งยังเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลอีกด้วย 

3. ระยะเวลาในการหาเอกสาร

เอกสาร

        ลองนึกภาพว่าคุณกำลังรีบหาเวชระเบียนคนไข้สักคน แต่กลับต้องมางมหาท่ามกลางกองเอกสารมหึมา ระบบเอกสารแบบเก่าก็เหมือนเขาวงกตดี ๆ นี่เอง คุณต้องเดินไปตามชั้น ตามตู้ เปิดแฟ้ม ไล่ดูทีละแผ่น กว่าจะเจอ ยิ่งถ้าเอกสารเกิดหลงไปอยู่ผิดที่ผิดทาง หรือโชคร้ายเกิดหายขึ้นมา คราวนี้ล่ะ เรื่องใหญ่ ยิ่งในเวลาฉุกเฉินที่ต้องแข่งกับเวลา บอกเลยว่าระบบนี้พาหงุดหงิดและเสียเวลาสุด ๆ

        ตัดภาพมาที่ระบบ Paperless โลกทั้งใบก็เปลี่ยนไป แค่คลิก คลิก คลิก พิมพ์คำที่ต้องการลงไป ไม่ว่าจะเป็นชื่อคนไข้ เลขประจำตัว หรือวันที่มาหาหมอ ข้อมูลที่คุณต้องการก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าภายในพริบตาเหมือนมีเวทมนตร์ ไม่ต้องเสียเวลาเดินหา ไม่ต้องปวดหัวกับกองเอกสาร ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ ระบบนี้จะช่วยให้คุณทำงานได้เร็วปานจรวด โดยเฉพาะในโรงพยาบาลหรือคลินิกที่ทุกวินาทีมีค่า บอกลาความล่าช้าไปได้เลย

        ระบบเอกสารแบบเก่ามันช่างยุ่งยากและเสียเวลา เหมือนคุณกำลังเล่นเกมล่าสมบัติที่ไม่มีวันสิ้นสุด แต่ระบบ Paperless นั้นต่างออกไป มันคือการวาร์ปไปสู่ยุคดิจิทัล ที่ทุกอย่างรวดเร็วและง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส และนี่คือความแตกต่างที่ชัดเจน ว่าทำไมเราถึงควรโบกมือลาระบบเก่า ๆ แล้วใช้ระบบ Paperless ที่สะดวกสบายกว่ากันเยอะ

ข้อดีของการใช้ระบบ paperless มาช่วยบริหารงานภายในเวชทะเบียน หรือคลินิก

        ทิ้งกองเอกสารสูงท่วมหัว แล้ววาร์ปสู่ยุคดิจิทัลได้แล้ว เพราะระบบ Paperless กำลังจะเปลี่ยนโฉมหน้างานเวชระเบียนและคลินิกของคุณ เตรียมบอกลาความยุ่งเหยิง มาสัมผัสความรวดเร็ว สะดวกสบาย แถมประหยัดทั้งเงินและเวลา 

1. ลดระยะเวลาเก็บและค้นหาข้อมูลผู้ป่วย

        ระบบ Paperless เปลี่ยนการเก็บและค้นหาข้อมูลผู้ป่วยให้กลายเป็นเรื่องง่ายแค่ปลายนิ้ว เพราะระบบเอกสารแบบเก่าเหมือนคุณติดอยู่ในเขาวงกต กว่าจะหาแฟ้มเจอ กว่าจะเจอหน้าที่ต้องการ เสียเวลาเป็นวัน ๆ ยิ่งถ้าเอกสารเกิดผิดที่ผิดทาง ก็เหมือนภารกิจตามล่าสมบัติที่แทบเป็นไปไม่ได้

        ระบบ Paperless แค่พิมพ์ชื่อผู้ป่วยหรือเลขประจำตัว คลิก ข้อมูลทั้งหมดก็ปรากฏตรงหน้าในไม่กี่วินาที เหมือนมีผู้ช่วยอัจฉริยะที่จำข้อมูลผู้ป่วยทุกคนได้ขึ้นใจ ไม่ต้องเสียเวลาเดินหา ไม่ต้องปวดหัวกับกองเอกสาร

2. ลดข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นระหว่างจัดเก็บข้อมูล

        ระบบเอกสาร จะพึ่งพามือและตาของมนุษย์ ซึ่งก็มีโอกาสผิดพลาดกันได้ ไม่ว่าจะเขียนผิด อ่านลายมือไม่ออก หยิบแฟ้มผิด หรือเอกสารสลับที่ ความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะในงานเวชระเบียนที่ทุกข้อมูลสำคัญ

        ส่วนระบบ Paperless เหมือนมี "ผู้ช่วยอัจฉริยะ" ที่มีความแม่นยำสูง ข้อมูลถูกบันทึกและจัดเก็บแบบดิจิทัล ลดโอกาสผิดพลาดจากคนไปได้เยอะ พิมพ์ครั้งเดียว ใช้ได้ทุกที่ ไม่ต้องกังวลเรื่องลายมืออ่านยาก หรือเอกสารสลับกัน แถมยังตรวจสอบและแก้ไขได้ง่าย มั่นใจได้ว่าข้อมูลถูกต้องและเชื่อถือได้ 

3. เพิ่มความสะดวกในการจัดเก็บข้อมูล

        Paperless เนรมิตพื้นที่จัดเก็บข้อมูลของคุณให้ "กว้าง สบาย หายห่วง" เพราะระบบเก่า ๆ เหมือนแบกโลกทั้งใบไว้บนบ่า ต้องมีตู้ มีชั้น มีห้องเก็บเอกสาร กินพื้นที่ แถมยังต้องวุ่นวายกับการจัดเรียง แยกหมวดหมู่ หาที่เท่าไหร่ก็ไม่พอ ยิ่งนานวันเอกสารยิ่งพอกพูน

        Paperless จะเปลี่ยนข้อมูลมหาศาลให้กลายเป็นไฟล์ดิจิทัล เก็บทุกอย่างไว้ในคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวหรือบนระบบคลาวด์ "คลิกเดียวจบ" ไม่ต้องเปลืองพื้นที่ ไม่ต้องเสียเวลาจัดเรียง แถมยังพกพาไปไหนก็ได้ สะดวกสุด ๆ 

4. ลดต้นทุน

        Paperless = เซฟเงินแบบเห็นๆ คุณไม่ต้องเปลืองเงินซื้อกระดาษกองโต ประหยัดไปได้หลายบาท บอกลาตลับหมึกราคาแพง เพราะพิมพ์น้อยลง ไปจนถึงเครื่องพิมพ์ เครื่องถ่ายเอกสาร ใช้น้อยลง ก็ซ่อมน้อยลง และค่าตู้ ค่าชั้น ค่าห้องเก็บเอกสาร พื้นที่เหล่านี้จะกลายเป็นพื้นที่ทำเงินแทน

        คิดง่าย ๆ เอกสารน้อยลง ค่าใช้จ่ายก็น้อยลง พื้นที่มากขึ้น โอกาสสร้างรายได้ก็มากขึ้น Paperless ไม่ใช่แค่รักษ์โลก แต่ยังรักษ์เงินในกระเป๋าของคุณด้วย เปลี่ยนค่าใช้จ่ายจุกจิก ให้กลายเป็นกำไรที่มากขึ้น วิน-วินทั้งคลินิกและสิ่งแวดล้อม 

        โลกเปลี่ยนไปแล้ว งานเวชระเบียนของคุณก็ควรเปลี่ยนตาม อย่าจมอยู่กับระบบเอกสารแบบเก่าที่ทั้งช้า ทั้งเปลือง ทั้งยุ่งยาก ระบบ Paperless คือกุญแจสำคัญที่จะไขประตูสู่ประสิทธิภาพ และความล้ำสมัย และ ProClinic คือผู้ช่วยอัจฉริยะที่คุณตามหา ด้วยระบบเขียน OPD ที่เหนือกว่า ให้คุณหมอเขียนทุกอย่างได้ครบจบในที่เดียว ProClinic ไม่ได้เป็นแค่ระบบจัดการ แต่คือ "นวัตกรรม" ที่จะยกระดับคลินิกของคุณให้เหนือชั้นกว่าใคร สัมผัสความแตกต่างได้แล้ววันนี้