เมื่อพูดถึงการเปิดคลินิก ไม่ว่าจะเป็นคลินิกเสริมความงามหรือสถานพยาบาลทั่วไป หลายคนอาจให้ความสำคัญกับเรื่องการขอใบอนุญาต การตลาด หรือการจัดการบัญชีเป็นอันดับแรก แต่สิ่งหนึ่งที่มักถูกมองข้ามและห้ามลืมเด็ดขาด นั่นก็คือ การชำระภาษีป้าย ซึ่งถือเป็นหน้าที่ทางกฎหมายที่เจ้าของธุรกิจทุกคนต้องปฏิบัติตาม ภาษีป้ายคลินิก ไม่ใช่แค่เรื่องของป้ายชื่อหรือโลโก้หน้าร้านเท่านั้น แต่เป็นภาษีที่เกี่ยวข้องกับการแสดงตัวตน และการโฆษณาธุรกิจคลินิกความงามโดยตรง หากไม่ชำระภาษีป้ายให้ถูกต้องตามกฎหมาย อาจนำไปสู่การเสียค่าปรับย้อนหลัง หรือมีโทษทางอาญาในกรณีเจตนาหลีกเลี่ยง
เราจะมาทบทวน และทำความเข้าใจแบบละเอียดกันว่า สำหรับภาษีป้าย 2568 นั้น มีข้อมูลอะไรอัปเดตบ้าง ภาษีป้ายคลินิกคืออะไร ป้ายแบบไหนต้องเสียภาษี ป้ายแบบไหนได้รับการยกเว้น วิธีคิดภาษีอย่างถูกต้องทำอย่างไร พร้อมขั้นตอนการชำระภาษีที่เจ้าของคลินิกต้องรู้ รวมถึงเทคนิคการผ่อนชำระและขอคืนภาษีอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เราสามารถบริหารจัดการคลินิกได้อย่างมั่นใจ ถูกต้องตามกฎหมาย และไม่เสียโอกาสทางธุรกิจโดยไม่จำเป็น เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบให้กับคลินิกได้โดยไม่รู้ตัว
ภาษีป้าย คืออะไร?
ภาษีป้าย คือ ภาษีท้องถิ่นที่เรียกเก็บจากผู้ที่ติดตั้งป้ายแสดงชื่อ สัญลักษณ์ โลโก้ หรือข้อความโฆษณา ซึ่งแสดงต่อสาธารณะ ไม่ว่าจะอยู่ภายในหรือนอกอาคาร ตามพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติมล่าสุด หรือที่รู้จักกันในชื่อ พ.ร.บ. ภาษีป้าย สำหรับคลินิกที่มีการติดป้ายชื่อคลินิก โลโก้ หรือข้อความโปรโมตใด ๆ จำเป็นต้องยื่นแบบ และเสียภาษีป้ายให้ถูกต้อง เพราะถือเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าในการโฆษณาหรือบ่งบอกการให้บริการภายใต้กฎหมาย
ป้ายแบบใดบ้างที่ต้องเสียภาษี ?
แม้ป้ายหน้าคลินิกจะดูเป็นแค่สื่อประชาสัมพันธ์ธรรมดา แต่ในทางกฎหมายแล้ว ป้ายที่มีลักษณะเข้าข่ายตามที่ระบุไว้ใน พระราชบัญญัติภาษีป้าย ถือว่าต้องเสียภาษีทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นป้ายชื่อสถานประกอบการ ป้ายที่มีโลโก้ หรือป้ายที่มีการโฆษณาแฝง สำหรับคลินิกที่มีป้ายติดหน้าร้าน หรือภายในสถานที่ที่มองเห็นได้จากภายนอก ก็จะต้องมีการชำระภาษีป้ายคลินิกอย่างถูกต้อง
ป้ายที่ต้องเสียภาษีป้าย ได้แก่
- ป้ายชื่อคลินิกที่ติดภายนอกอาคาร
- ป้ายโฆษณาบริการรักษา เสริมความงาม หรือโปรโมชัน
- ป้ายไฟ LED หรือป้ายไวนิลที่มีชื่อธุรกิจหรือข้อความโฆษณา
- ป้ายที่แสดงชื่อบริษัทนิติบุคคล หรือใช้ตัวอักษรไทย/อังกฤษ
- ป้ายที่มีรูปภาพ โลโก้ และข้อความในลักษณะโฆษณา
ป้ายที่ได้รับการยกเว้นการภาษีป้าย มีแบบไหนบ้าง?
ป้ายที่ได้รับการยกเว้นภาษีป้าย ได้แก่
- ป้ายที่ติดอยู่ภายในอาคารและไม่เห็นจากภายนอก
- ป้ายที่แสดงเพียงชื่อเจ้าของโดยไม่มีคำโฆษณา
- ป้ายที่แสดงชื่อหน่วยงานของรัฐ
- ป้ายที่ใช้ในกิจกรรมเพื่อการกุศลหรือกิจกรรมของรัฐ
- ป้ายที่มีอักษรต่างประเทศล้วน แต่ไม่มีคำภาษาไทยเลย
5 ขั้นตอนการชำระภาษีป้าย
การชำระภาษีป้ายสำหรับคลินิกหรือธุรกิจประเภทอื่น ๆ ที่มีการติดตั้งป้ายที่เข้าข่ายตามกฎหมาย ไม่ใช่เรื่องซับซ้อน หากทำตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยให้เราไม่ตกหล่น ไม่เสี่ยงโดนค่าปรับย้อนหลัง และบริหารธุรกิจได้อย่างราบรื่น มาดูกันว่าขั้นตอนการยื่นและชำระภาษีป้ายคลินิก มีอะไรที่ต้องทำบ้าง
1. การเตรียมเอกสาร
- สำเนาทะเบียนบ้านของสถานประกอบการ
- สำเนาบัตรประชาชนเจ้าของป้ายหรือผู้มีอำนาจ
- รูปถ่ายของป้ายที่ติดตั้งจริง ซึ่งควรเห็นขนาดและข้อความชัดเจน
- หลักฐานการจดทะเบียนพาณิชย์หรือเอกสารสิทธิของสถานที่
- เอกสารยืนยันขนาดของป้าย เช่น แบบสเกล หรือใบเสนอราคาจากบริษัทผลิตป้าย
2. การยื่นแบบแสดงรายการ (ภ.ป.1)
- ยื่นแบบ ภ.ป.1 ต่อสำนักงานเขต หรือเทศบาล/อบต. ที่ป้ายตั้งอยู่
- ควรยื่นภายในเดือนมกราคมของทุกปี หรือภายใน 15 วันหลังติดตั้งป้ายใหม่
3.การประเมินภาษี
- เจ้าหน้าที่จะพิจารณารายละเอียดของป้าย ขนาด ลักษณะ และภาษาเพื่อประเมินอัตราภาษี
- หากมีข้อสงสัย เจ้าหน้าที่อาจลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม
4. การชำระเงิน
- หลังจากได้รับหนังสือประเมินภาษี ต้องชำระภาษีภายใน 15 วัน
- สามารถชำระที่สำนักงานเขต หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามที่ระบุ
5. การเก็บใบเสร็จ
- เก็บใบเสร็จรับเงินไว้เป็นหลักฐานทางบัญชีและเพื่อป้องกันปัญหาภายหลัง
- ใบเสร็จสามารถใช้เป็นเอกสารประกอบการยื่นภาษีประจำปีหรือใช้ตรวจสอบย้อนหลังได้
อัตราภาษีป้ายคิดยังไง
ตามพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม การคำนวณภาษีป้ายจะขึ้นอยู่กับขนาด รูปแบบ และเนื้อหาของป้าย โดยแบ่งอัตราภาษีออกเป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้:
อัตราภาษีป้ายแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก
ประเภทที่ 1 : ป้ายที่มีอักษรไทยล้วน มีอัตราภาษีอยู่ที่ 5 หรือ 10 บาท ต่อ 500 ตร.ซม.
ประเภทที่ 2 : ป้ายที่มีอักษรไทยปนกับต่างประเทศ หรือมีภาพ มีอัตราภาษีอยู่ที่ 26 และ 52 บาท ต่อ 500 ตร.ซม.
ประเภทที่ 3 : ป้ายที่มีเฉพาะอักษรต่างประเทศหรือภาพเท่านั้น มีอัตราภาษีอยู่ที่ 50 และ 52 บาท ต่อ 500 ตร.ซม.
กรณีป้ายพิเศษ
- ป้ายมีแสงไฟ จะคิดเพิ่ม 10% จากอัตราปกติ
- ป้ายเปลี่ยนข้อความอัตโนมัติ จะคิดเพิ่ม 20%
การคำนวณภาษีป้าย
หลายคนอาจรู้สึกว่าเรื่องนี้ดูยุ่งยาก น่าปวดหัว เพราะเกี่ยวข้องกับตัวเลข ขนาดป้าย และประเภทภาษา แต่ความจริงแล้ว การคำนวณภาษีป้ายไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด หากเข้าใจหลักการเบื้องต้นและรู้สูตรที่ถูกต้อง คุณสามารถประเมินค่าใช้จ่ายล่วงหน้าได้ง่าย ๆ มาสูตรวิธีการคำนวณกัน
วิธีคำนวณภาษีป้ายคลินิก
มีสูตรคำนวณเบื้องต้น คือ ภาษีป้าย = (พื้นที่ป้ายที่คิดเป็น ตร.ซม. ÷ 500) × อัตราภาษี
ตัวอย่าง
- ป้ายขนาด 200 ซม. x 100 ซม. = 20,000 ตร.ซม.
- 20,000 / 500 = 40 หน่วย
- หากเป็นป้ายมีภาษาไทยปนอังกฤษ = 40 x 20 = 800 บาท
- หากมีไฟ = 800 + 10% = 880 บาท
การผ่อนชำระภาษีป้าย และการคืนภาษีป้าย
แม้ภาษีป้ายจะเป็นภาระที่เจ้าของธุรกิจต้องจัดการทุกปี แต่รู้หรือไม่ว่า สามารถขอผ่อนชำระภาษีป้ายได้ หากมีเหตุจำเป็น หรือหากชำระเกินยังสามารถขอคืนภาษีป้ายได้ตามขั้นตอนที่กำหนด มาดูเงื่อนไขและวิธีดำเนินการง่าย ๆ กัน
การผ่อนชำระภาษีป้าย
- สามารถยื่นคำร้องขอผ่อนชำระได้ที่เขต/อบต. ของที่ตั้งคลินิก
- แสดงเหตุผล เช่น ปรับปรุงกิจการ หรือผลกระทบทางเศรษฐกิจ
การคืนภาษีป้าย
- ในกรณีเลิกกิจการ ย้ายป้าย หรือลดขนาดป้ายก่อนครบปี
- ต้องแจ้งภายใน 15 วัน และแนบหลักฐานขอคืนเงินส่วนเกิน
โทษของการละเลย หลีกเลี่ยงการยื่นแบบและชำระภาษี
การละเลยหรือหลีกเลี่ยงการยื่นแบบและชำระภาษี อาจนำไปสู่โทษปรับทางกฎหมายและดอกเบี้ยจำนวนมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจและความน่าเชื่อถืออย่างคาดไม่ถึง มาทำความเข้าใจว่าผลเสียจากการไม่ทำหน้าที่ภาษีอย่างถูกต้อง มีอะไรบ้าง
กรณีไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย (ภ.ป.1)
- ปรับไม่เกิน 5,000 บาท
กรณียื่นแบบไม่ถูกต้อง
- ปรับ 5,000 - 50,000 บาท
กรณีไม่ชำระภาษีภายในกำหนดเวลา
- คิดเบี้ยปรับเพิ่ม 2% ต่อเดือน
- หากเกิน 90 วัน อาจโดนฟ้องร้องทางแพ่ง
กรณีจงใจหลีกเลี่ยงภาษี
- โทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ
กรณีไม่ยื่นแบบโดยเจตนา
- ถือว่ามีความผิดทางอาญา มีโทษทั้งจำทั้งปรับ
ภาษีป้ายคลินิก เป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการคลินิกเสริมความงามและคลินิกทั่วไปต้องใส่ใจ เพราะมีผลทั้งด้านกฎหมายและการบริหารต้นทุนของกิจการ การจ่ายภาษีป้ายคลินิกอย่างถูกต้องตาม พ.ร.บ. ภาษีป้าย จะช่วยป้องกันการถูกปรับ และยังเป็นส่วนหนึ่งในการจัดทำบัญชีอย่างมืออาชีพอีกด้วย อย่าลืมว่า "ป้ายคลินิก" คือส่วนหนึ่งของภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือ การบริหารจัดการเรื่องภาษีให้ถูกต้องตั้งแต่ต้น คืออีกหนึ่งการวางแผนธุรกิจอย่างยั่งยืน
คำถามที่พบบ่อย
ป้ายคลินิกต้องเสียภาษีไหม
ควรยื่นภาษีป้ายที่สำนักงานเขต/เทศบาลในพื้นที่ภายใน 15 วันหลังติดตั้ง ตาม พ.ร.บ. ภาษีป้าย โดยป้ายที่ต้องเสียภาษี มีลักษณะดังนี้
- มีข้อความ ชื่อคลินิก โลโก้ หรือสื่อโฆษณา
- ติดตั้งในที่สาธารณะหรือมองเห็นจากภายนอก
- ใช้วัสดุถาวร เช่น ป้ายไวนิล ป้ายอะคริลิก ป้ายไฟ
- ไม่ใช่ป้ายที่ติดภายในอาคารที่คนภายนอกมองไม่เห็น
คลินิกควรใช้ป้ายสีอะไร
ตามกฎกระทรวงสถานพยาบาล พ.ศ. 2558 ได้กำหนดสีของตัวอักษรบนป้ายชื่อคลินิกให้สอดคล้องกับประเภทของสถานพยาบาล เพื่อความชัดเจนและเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ดังนี้
สีของตัวอักษรบนป้ายคลินิกตามประเภท
- คลินิกเวชกรรม: ตัวอักษรสีเขียว
- คลินิกทันตกรรม: ตัวอักษรสีม่วง
- คลินิกการพยาบาลและการผดุงครรภ์: ตัวอักษรสีฟ้า
- คลินิกการแพทย์แผนไทย: ตัวอักษรสีน้ำเงิน
- คลินิกเทคนิคการแพทย์: ตัวอักษรสีเลือดหมู
- คลินิกกายภาพบำบัด: ตัวอักษรสีชมพู
- คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์: ตัวอักษรสีทอง
และโดยทั่วไปพื้นหลังของป้ายควรเป็นสีขาว เพื่อให้ตัวอักษรที่มีสีตามประเภทของคลินิกโดดเด่นและอ่านง่าย
ค่าภาษีป้ายร้านค้ามีอัตราเท่าไหร่
- ประเภทที่ 1 : ป้ายที่มีอักษรไทยล้วน มีอัตราภาษีอยู่ที่ 5 หรือ 10 บาท ต่อ 500 ตร.ซม.
- ประเภทที่ 2 : ป้ายที่มีอักษรไทยปนกับต่างประเทศ หรือมีภาพ มีอัตราภาษีอยู่ที่ 26 และ 52 บาท ต่อ 500 ตร.ซม.
- ประเภทที่ 3 : ป้ายที่มีเฉพาะอักษรต่างประเทศหรือภาพเท่านั้น มีอัตราภาษีอยู่ที่ 50 และ 52 บาท ต่อ 500 ตร.ซม.
ป้ายแบบไหนไม่เสียภาษี 2568
- ป้ายที่ติดอยู่ภายในอาคารและไม่เห็นจากภายนอก
- ป้ายที่แสดงเพียงชื่อเจ้าของโดยไม่มีคำโฆษณา
- ป้ายที่แสดงชื่อหน่วยงานของรัฐ
- ป้ายที่ใช้ในกิจกรรมเพื่อการกุศลหรือกิจกรรมของรัฐ
- ป้ายที่มีอักษรต่างประเทศล้วน แต่ไม่มีคำภาษาไทยเลย
ต้องจ่ายภาษีป้ายเมื่อไหร่
กำหนดการยื่นแบบและชำระภาษีป้ายประจำปี 2568
- ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย (ภ.ป.1): ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม ถึง 31 มีนาคม 2568
- ชำระภาษี ภายใน 15 วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้งการประเมินภาษี
หากติดตั้งป้ายใหม่หรือมีการเปลี่ยนแปลงป้ายที่ต้องเสียภาษีเพิ่มเติมหลังเดือนมีนาคม 2568 ควรยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายภายใน 15 วัน นับจากวันที่ติดตั้งหรือเปลี่ยนแปลงป้า
ภาษีป้าย 2568 หมดเขตวันไหน
ภาษีป้ายประจำปี 2568 หมดเขตยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีภายในวันที่ 31 มีนาคม 2568 แต่ในกรณีที่ต้องชำระภาษีภายหลังวันที่ 31 มีนาคม 2568 เมื่อมีการติดตั้งป้ายใหม่หรือเปลี่ยนแปลงป้ายที่ต้องเสียภาษี ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายภายใน 15 วัน นับจากวันที่ติดตั้งหรือเปลี่ยนแปลงป้าย