ในการบริหารคลินิกความงาม ไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่ การควบคุมสต็อกเวชภัณฑ์ให้แม่นยำคือหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อกำไร ความต่อเนื่องของบริการ และความพึงพอใจของคนไข้โดยตรง เพราะหากของหมดโดยไม่รู้ตัว ยาเปิดใช้แล้วหมดอายุ หรือเวชภัณฑ์หายโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจนำไปสู่ทั้งความเสียหายทางธุรกิจและภาพลักษณ์ที่ไม่น่าเชื่อถือ ยิ่งคลินิกไหนมีคอร์สรักษา/เวชภัณฑ์เฉพาะทางหลายรายการ ยิ่งจำเป็นต้องมี ระบบบริหารคลังเวชภัณฑ์ ที่ช่วยเช็กจำนวนได้แบบเรียลไทม์ วางแผนการสั่งซื้อได้อย่างแม่นยำ และลดปัญหาสต็อกหาย ของค้างสต็อกจนหมดอายุและต้องทิ้ง หรือซื้อของซ้ำซ้อนที่ไม่จำเป็น
หากคลินิกของคุณยังใช้วิธีจัดการสต็อกแบบเดิม ๆ อย่างการกรอกข้อมูลแบบเมนนวลแม้จะทำใน Excel ก็ตาม อาจถึงเวลาต้องเปลี่ยน เพราะตอนนี้มีระบบคลินิกที่ออกแบบมาให้บริหารเวชภัณฑ์ได้อัตโนมัติ ที่ช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมอย่างมืออาชีพ ควบคุมต้นทุนได้ตั้งแต่ชิ้นแรก จนถึงขวดสุดท้าย เรามาเรียนรู้วิธีบริหารสต็อกเวชภัณฑ์อย่างเป็นระบบกัน เพื่อยกระดับความมืออาชีพของคลินิกความงามให้เป็นรูปแบบดิจิทัลอย่างเต็มตัว รวมถึงข้อดีของระบบโปรแกรมคลินิก อย่าง ProClinic ที่ตอบโจทย์
ทำไมคลินิกต้องบริหารสต็อกเวชภัณฑ์อย่างจริงจัง ?
ในแต่ละวัน คลินิกความงามต้องใช้เวชภัณฑ์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเข็มฉีดยา ผ้าก๊อซ สำลี ถุงมือ ยาทา ยากิน โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ ฯลฯ ซึ่งล้วนมีต้นทุนและวันหมดอายุ หากไม่มีการบริหารคลังเวชภัณฑ์อย่างเป็นระบบจะเสี่ยงต่อของขาดสต็อก หรือหมดอายุเพราะเป็นของที่ไม่ค่อยได้ใช้ แต่สั่งมาเพราะกลัวของขาดสต็อก เนื่องจากไม่มีสถิติการใช้เวชภัณฑ์ในคลินิกอย่างเป็นระบบ ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณโดยไม่จำเป็น
ระบบบริหารเวชภัณฑ์ที่ดีจะช่วยให้คุณสะดวกขึ้นอย่างไรบ้าง ?
1. รู้ว่ามีอะไรอยู่ในคลังเวชภัณฑ์บ้าง
โดยไม่ต้องเปิดตู้ เช็กทีละกล่อง หรือคอยถามเจ้าหน้าที่อีกต่อไป เพราะระบบสามารถสรุปรายการเวชภัณฑ์ทั้งหมดที่มีอยู่ในสต็อกแบบเรียลไทม์ พร้อมจำนวนคงเหลือ วันหมดอายุ และประวัติการใช้งานย้อนหลังได้ในคลิกเดียว ทำให้คุณรู้ทันทุกความเคลื่อนไหวในคลัง
2. วางแผนสั่งซื้อได้อย่างแม่นยำ
ระบบจะช่วยแจ้งเตือนเมื่อสินค้าใกล้หมด หรือถึงจุดที่ควรสั่งซื้อตามปริมาณที่คุณตั้งไว้ ลดโอกาสของหมดกลางคอร์ส หรือซื้อเวชภัณฑ์ซ้ำซ้อนโดยไม่จำเป็น อีกทั้งยังช่วยประเมินแนวโน้มการใช้งานจากข้อมูลในอดีต เพื่อให้คุณวางแผนการจัดซื้อได้ตรงความต้องการจริง ไม่มากไป ไม่น้อยไป
3. ควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น
เวชภัณฑ์หลายรายการมีราคาสูง เช่น ฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ หรือวิตามินบำรุงผิวต่าง ๆ หากไม่มีระบบติดตามการใช้งาน อาจทำให้เกิดการรั่วไหล หรือการใช้งานที่ไม่สมเหตุสมผล ระบบจะช่วยให้คุณเห็นต้นทุนต่อครั้งการใช้/ต่อคอร์สได้ชัดเจน และวิเคราะห์จุดรั่วไหลได้อย่างแม่นยำ
4. ป้องกันของหาย ของหมด หรือใช้ซ้ำโดยไม่ตั้งใจ
การไม่รู้ว่าสินค้าอยู่ตรงไหน ใครเป็นผู้เบิก หรือใช้ไปกับคนไข้คนใด อาจก่อให้เกิดของหายโดยไม่รู้ตัว หรือเกิดความผิดพลาดในการให้บริการ เช่น เปิดกล่องใหม่ทั้งที่ของเก่ายังใช้ไม่หมด ระบบที่ดีจะช่วยสร้างวินัยในการเบิกจ่าย และลดการสูญเสียที่ไม่ควรเกิดขึ้น
เวชภัณฑ์ที่ควรจัดสต็อกอย่างเป็นระบบ
- การจัดการสต๊อกเวชภัณฑ์ไม่ใช่แค่เรื่องของยาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงวัสดุและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันของคลินิก โดยเฉพาะคลินิกความงามที่ต้องอาศัยความแม่นยำ ความปลอดภัย และการควบคุมต้นทุนอย่างใกล้ชิด ตัวอย่างเวชภัณฑ์ที่ควรบริหารอย่างมีระบบ ได้แก่ ยาที่ใช้เป็นประจำ เช่น ยาแก้แพ้ ยาแก้อักเสบ ยาชาเฉพาะที่ ซึ่งมีการใช้บ่อยและจำเป็นต้องมีสำรองไว้เสมอ
- เวชภัณฑ์สิ้นเปลือง เช่น สำลี แอลกอฮอล์ ผ้าก๊อซ ถุงมือ ที่ใช้ทุกวันในทุกขั้นตอนการรักษา หากขาดจะกระทบการให้บริการทันที
- อุปกรณ์ใช้ครั้งเดียว เช่น เข็มฉีดยา หลอดดูดสาร กระบอกฉีด ซึ่งต้องเปลี่ยนใหม่ทุกเคสเพื่อความปลอดภัยและถูกหลักอนามัย
- เวชภัณฑ์เฉพาะทาง เช่น ฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ สารสกัดผิวขาว วัสดุฝังเข็ม หรืออุปกรณ์ทรีตเมนต์ที่มีต้นทุนสูงและมีวันหมดอายุ จึงควรติดตามปริมาณและรอบการใช้งานอย่างใกล้ชิด
ปัญหาที่คลินิกมักเจอเมื่อไม่มีระบบบริหารสต็อก
- ของหมดโดยไม่รู้ตัว เช่น พนักงานรู้ว่าเวชภัณฑ์หมดก็ต่อเมื่อจะใช้งานจริง ทำให้ไม่มีของสำหรับบริการลูกค้า
- ของหมดอายุ จากการสั่งของมามากเกินไป ใช้ไม่ทัน
- ของหาย ไม่สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ว่าใครใช้
- สั่งซื้อซ้ำโดยไม่จำเป็น เพราะไม่รู้ว่ามีในคลังแล้ว
- จัดเก็บไม่เป็นระบบ ทำให้หาของยาก ใช้เวลานานในการเช็กสต็อก
เคล็ดลับบริหารสต็อกเวชภัณฑ์ฉบับคลินิกยุคใหม่
- กำหนดรายการเวชภัณฑ์ประจำคลินิก โดยการจัดหมวดหมู่ยาและเวชภัณฑ์ให้ชัดเจน
- วางระบบเช็กของเข้า-ออก โดยใช้ระบบบันทึกแบบดิจิทัลหรือแอปพลิเคชันที่เชื่อถือได้
- กำหนดจุดสั่งซื้อ (Reorder Point) เมื่อของใกล้หมดระบบจะเตือนอัตโนมัติ
- อบรมพนักงานเรื่องการจัดเก็บและบันทึก ให้ทุกคนร่วมมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ใช้เทคโนโลยีช่วยในการบริหาร เช่น โปรแกรมคลินิกที่มีฟีเจอร์บริหารสต็อกแบบเรียลไทม์อย่าง ProClinic หรือระบบ EMR
บริหารสต็อกเวชภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพ กุญแจสู่ความสำเร็จ
วางแผนการสั่งซื้ออย่างมีประสิทธิภาพ
- วิเคราะห์ประวัติการใช้งานย้อนหลัง
- วางแผนการสั่งซื้อแบบรายเดือนหรือรายไตรมาส
- ปรับการสั่งซื้อให้เหมาะสมกับช่วง high/low season
เทคโนโลยี ตัวช่วยสำคัญในการจัดการสต็อก
- โปรแกรมคลินิก เช่น ProClinic สามารถแสดงจำนวนเวชภัณฑ์คงเหลือแบบเรียลไทม์
- ใช้บาร์โค้ดในการเช็กสินค้าเข้า-ออก
ตรวจสอบ จัดเก็บ ฝึกอบรม เพื่อการจัดการที่เหมาะสม
- ตรวจสอบเวชภัณฑ์อย่างสม่ำเสมอ ทั้งรายวันและรายสัปดาห์
- แยกพื้นที่จัดเก็บอย่างชัดเจน ตามประเภทและวันหมดอายุ
- อบรมเจ้าหน้าที่ให้รู้หลักการบริหารเวชภัณฑ์ คือ การจัดการที่ต้องมีระบบและวินัย
บริหารสต็อกด้วยข้อมูล แม่นยำ คาดการณ์ได้ ลดต้นทุน
- วิเคราะห์แนวโน้มการใช้เวชภัณฑ์จากข้อมูลย้อนหลัง
- ปรับปรุงการสั่งซื้อให้เหมาะสมกับปริมาณการใช้งานจริง
ระบบ EMR ตัวช่วยจัดการข้อมูลผู้ป่วย สู่การบริหารสต็อกที่แม่นยำ
- บันทึกข้อมูลการใช้เวชภัณฑ์ต่อเคสในระบบ
- ลดการใช้เกินจำเป็น พร้อมตรวจสอบย้อนหลังได้ง่าย
การบริหารสต็อกเวชภัณฑ์ที่ดีช่วยให้
- ลดต้นทุนคงคลัง
- เพิ่มความคล่องตัวในการให้บริการ
- สร้างภาพลักษณ์มืออาชีพให้กับคลินิก
เริ่มต้นการจัดการสต็อกเวชภัณฑ์อย่างไร ?
- ทำบัญชีคลังเวชภัณฑ์เริ่มต้น สามารถใช้แบบฟอร์ม สต๊อกยา หรือระบบคลินิก)
- เลือกใช้โปรแกรมช่วยบริหาร เช่น ระบบของ ProClinic ที่สามารถเช็กยอดคงเหลือ แจ้งเตือนของหมดอายุ และวางแผนสั่งซื้อได้
- สร้าง SOP การตรวจสต็อกประจำเดือนและการสั่งซื้อร่วมกับทีม
การใช้เทคโนโลยีในการบริหารสต็อก
- ใช้โปรแกรมบริหารคลังเวชภัณฑ์ เช่น ProClinic ที่ช่วยให้การจัดการสต็อกง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็น
- บันทึกและติดตามเวชภัณฑ์แบบเรียลไทม์ ที่เช็กปริมาณสินค้าคงเหลือแบบทันที พร้อมประวัติการเบิก-จ่ายย้อนหลัง
- แจ้งเตือนจุดสั่งซื้ออัตโนมัติ โดยระบบจะเตือนเมื่อของใกล้หมด ลดโอกาสของขาดหรือการสั่งเกิน
- กำหนดล็อต วันหมดอายุ และสถานะสินค้าได้ละเอียด ป้องกันการใช้ของหมดอายุ ช่วยให้เวชภัณฑ์หมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพ
- จัดการเวชภัณฑ์รายแผนการรักษา เชื่อมโยงข้อมูลยาและเวชภัณฑ์ที่ใช้ในแต่ละเคส ลดความผิดพลาดในการจัดเตรียม
- รายงานสรุปคลังอัตโนมัติ สามารถดูข้อมูลแบบ Dashboard ได้ทันที ทั้งมูลค่าสินค้า ปริมาณที่ใช้บ่อย และแนวโน้มการสั่งซื้อ
- ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน รองรับการใช้งานทั้งเจ้าของคลินิกและพนักงานทั่วไป พร้อมฟีเจอร์ภาษาไทยและคู่มือการใช้งานครบถ้วน
- ใช้ QR code หรือ Barcode สำหรับเวชภัณฑ์แต่ละชิ้น
- เชื่อมต่อข้อมูลการใช้ยา-เวชภัณฑ์กับระบบ EMR เพื่อดูความเชื่อมโยงในทุกการใช้งาน
ประโยชน์ของการจัดการสต็อกเวชภัณฑ์ที่ดี
- ลดปัญหาของหาย/หมดอายุ
- ประหยัดต้นทุนอย่างเห็นผล
- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของทีม
- ต่อยอดข้อมูลเพื่อวางแผนการตลาดและจัดโปรโมชันได้
การบริหารสต็อกเวชภัณฑ์อย่างเป็นระบบไม่ใช่ภาระ แต่คือการลงทุนในระยะยาวให้คลินิกสามารถให้บริการได้อย่างราบรื่น สร้างความประทับใจให้ลูกค้า และควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เช่น ระบบคลินิกที่ออกฉลากยาได้ และบริหารเวชภัณฑ์ได้ในตัว อย่าง ProClinic จะทำให้คลินิกของคุณเป็นมืออาชีพที่แท้จริงในสายตาคนไข้และทีมงาน
คำถามที่พบบ่อย
เวชภัณฑ์กับยา ควรแยกสต็อกหรือรวมกัน ?
ควรแยกสต็อก เนื่องจากลักษณะการเก็บรักษาต่างกัน, การควบคุมและตรวจสอบแตกต่าง และการบริหารจัดการคลังมีเป้าหมายต่างกัน เพราะบางครั้ง การจัดการสต็อกยามักเน้นที่การควบคุมล็อตและวันหมดอายุ และเวชภัณฑ์เน้นความเพียงพอและหมุนเวียนเร็ว
สามารถใช้ระบบบริหารสต็อกร่วมกับคลินิกหลายสาขาได้หรือไม่ ?
ได้ โดยเฉพาะหากใช้ระบบที่รองรับการทำงานแบบออนไลน์หรือ cloud-based เช่น ProClinic ซึ่งมีจุดเด่นดังนี้ เชื่อมข้อมูลหลายสาขาไว้ในระบบเดียว จัดการสิทธิ์การเข้าถึงแยกตามสาขา และรายงานภาพรวมคลังเวชภัณฑ์ทั้งเครือ
ระบบมีแจ้งเตือนสต็อกใกล้หมดไหม ?
ของ ProClinic มีระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติ เมื่อเวชภัณฑ์หรือยามีจำนวนใกล้ถึงจุด Reorder Point และสามารถตั้งค่าจำนวนขั้นต่ำได้ตามต้องการ เพื่อให้แจ้งเตือนตรงกับลักษณะการใช้งานของแต่ละคลินิก รวมถึงแจ้งเตือนผ่านระบบหลังบ้านทันที ช่วยป้องกันของหมดโดยไม่รู้ตัว
ต้องสแกนบาร์โค้ดหรือไม่ถึงจะใช้งานระบบได้ ?
ระบบ ProClinic และหลายระบบอื่น รองรับการกรอกข้อมูลด้วยมือ เช่น การค้นหาชื่อยา/เวชภัณฑ์ เพื่อเพิ่ม-ลดสต็อก โดยที่ไม่บังคับให้ใช้บาร์โค้ด ซึ่งเหมาะสำหรับคลินิกที่ยังไม่มีระบบบาร์โค้ดเต็มรูปแบบ แต่หากใช้สแกนบาร์โค้ดร่วมด้วย จะช่วยหลายอย่าง ดังนี้
- ลดข้อผิดพลาดในการบันทึกข้อมูล
- ทำงานเร็วขึ้น
- ตรวจสอบเวชภัณฑ์เฉพาะเจอได้ง่าย
- เหมาะกับคลินิกที่มีเวชภัณฑ์จำนวนมาก
Copyright © 2025 Proclinic Group Co., Ltd. All rights reserved.
Published on : May 10, 2025